หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์กรอบจำกัดรับปัจจัยต่างประเทศกดดัน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบจำกัด แม้คลายความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ แต่ยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเร่งตัวขึ้นกังวลเฟดเร่งลด QE ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และการเริ่มปรับฐานของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนได้ พร้อมให้แนวรับ 1,610 และแนวต้าน 1,625-1,630 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งไซด์เวย์กรอบจำกัด แม้นักลงทุนคลายความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศบ้าง แต่ยังมีปัจจัยต่างประเทศกดดันบรรยากาศการลงทุน โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น สะท้อนได้จากตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนเร่งตัวขึ้น ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลับมากังวลการลดปรับลด QE ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ขณะเดียวกัน ข้อตกลงสถานการณ์เรื่องการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ (Debt Ceiling) มีท่าทีผ่อนคลายขึ้น หลังจากวุฒิสภาของสหรัฐส่งสัญญาณว่าพรรค Republican สนับสนุนการขยายเพดานหนี้ ส่งผลให้ภาพรวมของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาส่งสัญญาณแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง กระทบต่อกระแสการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนให้ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียในระยะสั้น และการเริ่มปรับฐานของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนในกรอบจำกัดด้วยเช่นกัน

โดยวันนี้แนะนำหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า ได้แก่ กลุ่มส่งออกอย่าง KCE และกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC

พร้อมให้แนวรับที่ 1,610 และแนวต้านที่ 1,625-1,630 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,416.99 จุด เพิ่มขึ้น 102.32 จุด หรือ + 0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,363.55 จุด เพิ่มขึ้น 17.83 จุด หรือ +0.41% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,501.91 จุด เพิ่มขึ้น 68.08 จุด หรือ + 0.47%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,665.97 จุด เพิ่มขึ้น 137.1 จุด หรือ +0.50% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,339.32 จุด เพิ่มขึ้น 372.83 จุด หรือ +1.55% ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (7 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ต.ค.) 1,619.48 จุด ลดลง 4.76 จุด (-0.29%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,117.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ต.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ต.ค.) ปิดที่ 77.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 1.9% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว และนักลงทุนยังเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ต.ค.) อยู่ที่ 7.41 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.83 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากวานนี้ สอดคล้องกับภูมิภาค เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวค่อนข้างแรงเกือบ 2% จึงลดแรงกดดันสำหรับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ รวมถึงสกุลเงินบาทด้วย

– ปตท.ยืนยันไม่ขึ้นราคาน้ำมัน จับตากลุ่มโอเปคหารือถี่ขึ้นทุกเดือน ชี้ดูแลราคาแอลพีจีช่วยผู้มีรายได้น้อยต่อเนื่อง กระทรวงพลังงาน สั่งเร่งผลิตก๊าซในอ่าว ขอความร่วมมือไม่หยุดซ่อมบำรุง นายกฯ สั่งจับตาราคาพลังงานใกล้ชิดดูแลราคาแอลพีจี-ค่าเอฟที ช่วยประชาชน

– กรมการแพทย์เผยไทม์ไลน์ “ยาโมลนูพิราเวียร์” พร้อมระบุใช้ในผู้ป่วยโควิดอาการน้อย-ปานกลาง ส่วนอาการหนักไม่ได้ผล ขณะที่ 3 โรงพยาบาลแพทย์ร่วมวิจัยทางคลินิกคาดต้นธ.ค.นี้ “สงขลา” น่าห่วงขึ้นอันดับ 2 ติดเชื้อรายวันสูงสุดรองจาก กทม.

– สธ.ชงฉีดสูตรไขว้แอสตร้าฯเข็มแรกต่อด้วยไฟเซอร์เตรียมชี้ขาดวันนี้ ‘อนุทิน’ เผยไฟเซอร์มาถึงไทยอีก 1.5 ล้านโดส ยันใน ต.ค.มาแน่ 8 ล้านโดส ยังพบคลัสเตอร์หลาย จว.ทั่วประเทศ ทั้งงานเลี้ยงสังสรรค์เกษียณ งานวันเกิด งานศพ ขณะที่ น.ร.ขอฉีดเพิ่มอีก 1 แสน กว่า 80% แล้ว ศบค.เผยติดเชื้อเพิ่ม 9,866 ราย ขณะที่ 4 จว.ภาคใต้ผู้ติดเชื้อยังสูงจากพฤติกรรมของชาวบ้าน รวมทั้งเรื่องวัฒนธรรม เสียชีวิตอีก 102 ขณะที่หลาย จว.แดงเข้มยอดป่วยลดลงต่ำร้อยรายเล็งคลายล็อกอีก

– “ศักดิ์สยาม” หารือทูตฝรั่งเศส เผยนักธุรกิจสนใจ “รถไฟฟ้าสีส้ม” ขณะที่โรดโชว์ ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา (MRO) หวังดึงร่วมทุน PPP หนุนศักยภาพเมืองการบิน พร้อม ดัน MR-MAP และแลนด์บริดจ์ ดันไทยฮับขนส่งในภูมิภาค

หุ้นเด่นวันนี้

– TTA (กรุงศรี) แนะนำ “ซื้อ” เป้า 15.8 บาท Sentiment บวกดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) พุ่งแรง 238 จุด (+4.4%) สูงระดับ 5,647 จุด สูงสุดในรอบ 13 ปี คาดหนุนรายได้ขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้นผลักดันให้กำไรสุทธิ Q3/64 และ Q4/64 โตเพิ่มขึ้น

– ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” เป้า 14 บาท โมเมนตัมกำไรครึ่งปีหลังคาดโตกว่าครึ่งปีแรก และช่วงเดียวกันปีก่อน จากโครงการใหม่สร้างเสร็จอีก 4 โครงการ แม้ปิดแคมป์กระทบบ้างแต่คาดเริ่มโอนได้ใน ก.ย.โดย ORI มีสต็อกคอนโดพร้อมโอนกว่า 1 หมื่นลบ.ระยะยาวมองเป็นมากกว่าบริษัทอสังหาฯจากการJV ร่วมกับ Partner อุตสาหกรรมอื่นเกิด Synergy และเพิ่มรายได้ประจำ และมี Catalyst จาก Spin-Off บริทาเนีย ซึ่งให้สิทธิผู้ถือหุ้น ORI จองซื้อ

– EPG (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) “ซื้อ” เป้า 15 บาท คาดกำไรช่วง ก.ค.-ก.ย.ที่ 415 ล้านบาท +35%YoY และแนวโน้มปี 65 คาดทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แรงหนุนการเติบโตทั้งสามธุรกิจ AeroFlex, AeroKlas และ EPP ผสานกับราคาหุ้นอ่อนตัวลงทำให้ซื้อขาย P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดีที่ 3.7%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top