หุ้นไทยปิดลบ 9.22 จุด เผชิญแรงขายจากกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์หลังเศรษฐกิจจีนส่อแววชะลอ

SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,634.20 จุด ลดลง 9.22 จุด (-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 65,177.10 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้เผชิญแรงขายกลุ่ม Commodity หลังจีนส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งการปรับขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์รอบนี้เป็นผลจากขาดแคลน Supply ทำให้การขึ้นไม่ยั่งยืนเพราะไม่ได้เกิดจากความต้องการ ด้านตลาดภูมิภาค-ตลาดในยุโรปแกว่งไซด์เวย์ ซึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศช่วงนี้จะแกว่งไปตามงบฯของแต่ละตลาด พรุ่งนี้ตลาดฯคงจะแกว่งไร้ทิศทางหลังได้ตอบรับการเปิดเมืองไปแล้ว จากนี้รอดูการประชุมเฟดในวันที่ 4 พ.ย.นี้ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,645 ส่วนกรอบสัปดาห์นี้ให้ไว้ที่ 1,610-1,660 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,634.20 จุด ลดลง 9.22 จุด (-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 65,177.10 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,645.91 จุด และระดับต่ำสุด 1,631.29 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 490 หลักทรัพย์ ลดลง 1,354 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 433 หลักทรัพย์

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) หลังจากที่จีนส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งรอบนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นไปเกิดจากการขาดแคลน Supply ทำให้รอบนี้มองว่าการปรับตัวขึ้นของกลุ่ม Commodity ไม่ยั่งยืนเพราะไม่ได้เกิดจากความต้องการ

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็แกว่งไซด์เวย์ ซึ่งช่วงนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะเคลื่อนไหวไปตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละตลาดฯ โดยสัปดาห์นี้มีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะต้องติดตาม แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักเท่าไร

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.) นายสรพล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งอย่างไร้ทิศทางหลังจากที่ได้ตอบรับเรื่องการเปิดเมือง (Reopening) ไปแล้ว จากนี้ก็ให้รอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณอย่างไร โดยให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,645 จุด ขณะที่กรอบสัปดาห์นี้ให้ไว้ที่ 1,610-1,660 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,007.71 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
  • BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,514.46 ล้านบาท ปิดที่ 123.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
  • BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,114.75 ล้านบาท ปิดที่ 12.10 บาท ลดลง 0.40 บาท
  • SPALI มูลค่าการซื้อขาย 1,665.34 ล้านบาท ปิดที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท
  • AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,612.72 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 0.75 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top