หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวขึ้น เล็งแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันพุ่งแรง

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวขึ้นหลังชัดเจนนโยบายการเงินของเฟดในการปรับลด QE เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว-รับรู้ไปพอควรแล้วว่างบฯไตรมาส 3/64 บ้านเราไม่ดี แต่ไตรมาส 4/64 ถึงปี 65 หลังเปิดเประเทศเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น-งบฯก็จะดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ตลาดฯน่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันพุ่ง-ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯดีเกินคาด เล็งหนุนความต้องการใช้น้ำมันเพิ่ม ด้านนตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบไม่มาก พร้อมให้แนวรับ 1,620 แนวต้าน 1,636 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากชัดเจนเรื่องนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และตลาดฯก็รับรู้ไปพอควรแล้วว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/64 บ้านเราไม่ดี และน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ แต่ในไตรมาส 4/64 ถึงปี 2565 หลังเปิดประเทศแล้วมองว่าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น และงบฯของบริษัทฯก็จะดีขึ้นไปด้วย

นอกจากนี้ ตลาดฯน่าจะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแรง 3.1% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตอบรับผลประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่เพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้หุ้นในกลุ่มน้ำมันน่าจะกลับมาคึกคักได้ และตัวเลขการจ่างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯก็ออกมาดีเกินคาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง จากระดับ 312,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ทำให้คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันจะดีขึ้นด้วย ส่งผลให้ตลาดฯวันนี้น่าจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พ.ย.นี้ และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงยังต้องติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศต่อไปด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,636 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,327.95 จุด เพิ่มขึ้น 203.72 จุด (+0.56%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,697.53 จุด เพิ่มขึ้น 17.47 จุด (+0.37%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,971.59 จุด เพิ่มขึ้น 31.28 จุด (+0.20%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 123.88 จุด (+0.42%), ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 126.97 จุด หรือ -0.51% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.40 จุด หรือ +0.01%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 พ.ย.)1,626.22 จุด ลดลง 0.05 จุด (-0.00%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,790.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 พ.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 81.27 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.46 ดอลลาร์ หรือ 3.1%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 พ.ย.) อยู่ที่ 7.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.16 แข็งค่าจากสัปดาห์ก่อน ตลาดรอติดตามประชุมกนง.-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

– นายพลกฤต กล่ำเครือ นายกสมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้แนวโน้มแผงโซลาร์เซลล์ ที่จะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า ยังมีทิศทางขาขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งสมาคมฯ ต้องติดตามใกล้ชิดจนถึงต้นปี 65 เนื่องจากวัตถุดิบการผลิตต่างๆ เช่น กระจก ซิลิคอน อะลูมิเนียม ปรับขึ้นก่อนหน้านี้ และล่าสุดโรงงานจีนได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าที่ขาดแคลน ทำให้ต้องหยุดการผลิตเป็นบางช่วงส่งผลให้แผงโซลาร์เซลล์บางรุ่นเริ่มขาดสต๊อก แม้ว่า จะมีคำสั่งซื้อไปแต่จะได้รับสินค้าเร็วสุดเป็น ม.ค.65 ประเมินว่า สถานการณ์การผลิตของจีนจะเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วสุดในเดือน มี.ค.65 แต่ระดับราคาแผงโซลาร์ฯ ยังคงทรงตัวระดับสูง

– นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโรงแรมที่พักประจำเดือนตุลาคม 64 จากกลุ่มผู้ประกอบการตัวอย่าง 189 แห่งทั่วประเทศ ว่า ผู้ประกอบการโรงแรมที่พักแรมได้รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันระยะที่ 3 และทัวร์เที่ยวไทย ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงแรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่รองรับลูกค้าท่องเที่ยวทั่วไปเริ่มกลับมาเปิดกิจการตามปกติได้แล้ว 67% โดยได้เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน ซึ่งอยู่ที่ 51%

– น้ำมันปาล์มขวดพุ่งพรวดขวดละ 60 บาท ตามราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ส่วนราคาหมูยังพุ่งไม่หยุด ปรับขึ้นทุกวันพระ ละ 4 บาทต่อโล ล่าสุดหมูเป็นทะลุโลละ 80 บาท ดันราคาหมูเนื้อแดงพุ่งเกือบ 170 บาท เชื่อราคาขยับขึ้นอีก หลังความต้องการกลับมาจากการเปิดประเทศ แต่ผลผลิตไม่เพียงพอ

– รัฐบาลเล็งคลอดมาตรการใหม่หนุน “อีวี” ตั้งกองทุนอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า ดึงภาษีสรรพสามิตตั้งกองทุนเล็งหนุนเงิน เป็นส่วนลด 20% หวังกระตุ้นดีมานด์ สร้างตลาด “สุพัฒนพงษ์” ชง ครม.เคาะธ.ค.นี้ “กุลิศ” ชี้มาตรการใหม่หนุนทั้งผู้ผลิต-ผู้ใช้รถ

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– BE8 (บมจ.เบริล 8 พลัส) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO ที่ 10 บาท/หุ้น บล.ทรีนีตี้ ประเมิน Fair value สิ้นปี 2565 ที่ 16.00 บาท อ้างอิงค่าเฉลี่ย 2 วิธี ได้แก่ Forward PE ปี 2565 เฉลี่ยของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันที่จดทะเบียนในตลาดฯที่ 31.7 เท่า และวิธี PEG ที่ 1 เท่า โดยประมาณการรายได้และกำไรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ปี 2563-2566 (CAGR) ราว 21% ต่อปี และกำไรเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 72% ต่อปี เติบโตในอัตราเร่งที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้

บริษัทฯเป็นที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ให้บริการแบบครบวงจรในด้าน CRM การวิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีดิจิทัล มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับระบบ CRM ที่ใช้ซอฟต์แวร์ Salesforce และเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ของบริษัทชั้นนำ เช่น Salesforce, Google, MuleSoft, และ Tableau เป็นต้น

– AOT (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 78 บาท ได้ประโยชน์โดยตรงจากการเปิดประเทศของไทยเริ่ม 1 พ.ย. และกลุ่มท่องเที่ยวได้ข่าวดีเพิ่มเมื่อไฟเซอร์ประกาศผลการทดลองยาเม็ดต้านไวรัสโควิด-19 ช่วยลดความรุนแรงและโอกาสในการเข้าโรงพยาบาลได้สูงถึง 89%

– YGG (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 23.50-24.00 บาท แนวโน้มรายได้ปี 65 เติบโตต่อเนื่อง เกมใหม่ Sweet Home Survive กระแสดี, จับตาความร่วมมือ “ZooKeeper” พัฒนาเกม NFT โดยประเมินปี 65 งานกลุ่ม Visual Effect-Post Production และงาน Animation หนาแน่น (กองถ่ายหนัง-ซีรีย์กลับมา) พร้อมกับการออกเกมใหม่ ด้าน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 106 ลบ. และ 132 ลบ. +86%YoY, +25%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top