พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงภาพรวมการเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า
ที่ประชุม ศปก.ศบค. พอใจในตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภายในประเทศกับอัตราการติดเชื้อ ซึ่งถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกังวลและกำชับให้ที่ประชุมศปก.ศบค.แก้ไขคือ ความสะดวก ความรวดเร็ว แต่ต้องปลอดภัย ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่
ส่วนการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.ชุดใหญ่) ในวันศุกร์ที่ 12 พ.ย.นี้ จะมีการผ่อนคลายกิจกรรมหรือไม่นั้น พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า จะมีการประเมินเป็นรายจังหวัด จังหวัดใดหากประเมินแล้วผ่านมาตรฐาน จะถูกขยับมาในระดับที่ดีขึ้น
โดยในการประชุมวันนี้ จะมีการหารือถึงการดำเนินการที่ผ่านมาว่า จะต้องมีการปรับจังหวัดพื้นที่ โซนสีจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่ควบคุม โดยจะประเมินจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ และการจัดระเบียบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยจะนำคลัสเตอร์การติดเชื้อในพื้นที่ต่างๆทั้งจากงานบุญมาร่วมพิจารณาด้วย โดยมีสาธารณสุขเป็นผู้ประเมินและนำเข้าที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง
พล.อ.สุพจน์ ยอมรับว่า อาจจะมีปรับความเข้มงวดของมาตรการขึ้นในบางจังหวัด เช่น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดเช่นเดิม แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อขณะนี้ทรงตัวแล้ว ทั้งนี้จากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้ส่งพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. ส่วนหน้า ลงไปดูก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
ส่วนการเปิดให้ดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า สามารถทำได้ในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่องการท่องเที่ยว เต็มทั้งจังหวัด และอีก 13 จังหวัดเป็นบางพื้นที่บางอำเภอ ซึ่งขึ้นอยู่กับอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในแต่ละพื้นที่เป็นผู้ประเมิน พฤติกรรมในพื้นที่ตัวเอง และกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม ว่าจะไม่กระทบกับประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการจะแข็งแรงพอ ที่จะสามารถ ดำเนินการได้โดยสั่งไม่ถูกสั่งปิด ควรจะทำความเข้าใจว่ามาตรการที่ห้าม หรือ มาตรฐานSHA ไม่ใช่การกีดกัน หรือ อยากทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน แต่ต้องการทำให้เปิดกิจกรรมกิจการได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องเปิดแล้วปิด และจะไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ
ส่วนกรณีที่มีแรงงานต่างด้าวทะลักเข้าตามแนวชายแดน พล.อ.สุพจน์ ยอมรับว่า เรื่องนี้อยู่ในแผนการเปิดประเทศอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ศปม.ทหาร ตำรวจ ที่อยู่ตามแนวชายแดน ประเมินสถานการณ์ระหว่างการเปิดประเทศ เพราะเกรงว่าหากทำตั้งแต่แรกอาจเกิดความวุ่นวาย จึงต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ยืนยันว่า มีแผนรองรับไว้แล้ว ซึ่งกระทรวงแรงงานเป็นเจ้าของเรื่องนี้ และมีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการทบทวนในหลายมาตรการแล้ว โดยแผนการที่ได้เตรียมไว้จนมั่นใจว่าแรงงานที่จะเข้ามานั้นปลอดเชื้อและเข้าไปทำงานอยู่ในระบบการควบคุม ถือเป็นการจัดระบบแรงงานที่ดีด้วย
ขณะที่การจัดงานลอยกระทง พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า ยังมีความเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นงานประเพณีอะไรที่มีการรวมพล ทางกระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงอย่างมาก แต่ต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนและมีการประเมินหลายครั้งโดยให้ทางจังหวัดดูแล และมีเพียงไม่กี่จังหวัดที่จะจัดงาน โดยมีการเสนอเข้ามายังที่ประชุมศปก.ศบค. และเห็นว่ามีมาตรการที่ค่อนข้างรัดกุม และผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันว่า ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนภายในจังหวัดเป็นอย่างดี
ทั้งนี้การจัดงานประเพณีต่างๆในพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่สีต่างๆ มีการกำหนดเงื่อนไขชัดเจน พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ซึ่งได้เปิดอนุญาตให้มีการจัดกิจกรรม ซึ่งอนุญาตให้มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมากแต่ต้องย้ำเรื่องมาตรการด้านกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด แต่หากจะทำเกินกว่าที่มีการกำหนดจะต้องขออนุญาตเป็นขั้นตอน พร้อมขออย่ากังวล
ขณะที่การลักลอบนำวัคซีนโควิด Johnson & Johnson เข้ามาฉีดภายในประเทศนั้น พล.อ.สุพจน์ ขอให้รอฟังข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขว่า มีความผิดอย่างไรบ้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 64)
Tags: การท่องเที่ยว, คลายล็อกดาวน์, งานประเพณี, พื้นที่สีแดงเข้ม, ศปก.ศบค., สมช., สุพจน์ มาลานิยม, เปิดประเทศ