ชง ศบค.เปลี่ยนเป็นตรวจ ATK นักท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวก,ผับบาร์รอไปก่อน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ว่า ศบค.ชุดเล็ก จะเป็นผู้เสนอเปลี่ยนการตรวจหาเชื้อโควิดนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงต่ำ 63 ประเทศ ด้วย ATK แทน RT-PCR เพื่ออำนวยความสะดวก เพราะหลายประเทศก็หันมาตรวจ ATK

“ขอย้ำว่า การตรวจหาเชื้อยังมีความจำเป็นอยู่ และต้องดูว่านักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง เราต้องดูในรายละเอียดตรงนี้” 

นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ ททท.จะนำเสนอรายงานให้ที่ประชุม ศบค.รับทราบผลการประเมิน 10 วันหลังจากเปิดประเทศ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเฉลี่ยประมาณ 2,400 คน/วัน เมื่อเทียบกับช่วงเปิดที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละประมาณ 600-700 คน ถือว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 เท่า และกรณีของภูเก็ตขณะนี้มีไฟลท์บินเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

และขณะนี้หลายสายการบินจะกลับมาเปิดเส้นทางบินเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค.นี้เป็นต้นไป โดยรวมถือว่าทิศทางการท่องเที่ยวดีขึ้นในทุกพื้นที่ทั้งจากเอเชียและยุโรป หากเราอำนวยความสะดวกลดขั้นตอนต่างๆในการเข้าประเทศ คิดว่าประเทศไทยยังมีโอกาสทางการตลาดท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

ส่วนแผนการให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ จะยังอยู่ในช่วงเดือน ธ.ค.64 หรือไม่นั้น นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าย้อนกลับไปดูตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ยังไม่ได้ให้เปิดสถานประกอบลักษณะที่มีความสุ่มเสี่ยงสูง โดยอนุญาตให้จำหน่ายสุราในร้านอาหารทั่วไป หรือในโรงแรม ซึ่งไม่ใช่การสนับสนุนการบริโภคสุราแต่เป็นวัฒนธรรมการบริโภคทั่วไป และยังเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย ส่งผลดีต่อเรื่องระบบเศรษฐกิจ

ด้านการจัดกิจกรรมลอยกระทงนั้น ในกรณีพื้นที่ท่องเที่ยวสามารถให้มีการรวมคนได้ถึง 1,000 คน แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่เข้มงวดด้านสาธารณสุข

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า แนวทางการลดขั้นตอนตรวจโควิดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น ATK แทน RT-PCR นั้นคงต้องหารือในที่ประชุม ศบค.ก่อนว่าหากตรวจที่ประเทศต้นทางด้วย RT-PCR และมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ไม่ปลอมแปลง ก็จะอำนวยความสะดวกให้เกิดความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ละเลยความปลอดภัย

สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชื่อว่าจะค่อยๆ ลดลง ขณะที่แต่ผู้เสียชีวิตยังอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และมากกว่า 80% ไม่ได้ฉีดวัคซีน จึงขอย้ำว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยลดอาการรุนแรงหากได้รับเชื้อโควิด บางรายไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ขณะที่คาดว่า ยอดการฉีดวัคซีนจะเพิ่มไปถึง 100 ล้านโดสภายในสิ้นเดือน พ.ย.

นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับวัคซีนจากการบริจาคและจากการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยวันนี้วัคซีนซิโนแวคจากจีนจะเข้ามาอีก 1.5 ล้านโดส ในเวลา 14.00 น. เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนคนใหม่จะเข้ามามอบให้นายกรัฐมนตรี ส่วนวัคซีนโมเดอร์นาที่รัฐบาลสหรัฐบริจาคให้ไทยคาดว่าจะมาถึงต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคได้ลงนามในเอกสารบันทึกข้อตกลงกับทางการสหรัฐฯ แล้ว

นอกจากนั้น ยังมีรัฐบาลอื่นอีกหลายประเทศที่แสดงความจำนงมอบวัคซีนให้ไทย ซึ่งไทยเองถ้าถึงจุดที่วัคซีนเพียงพอ ก็ต้องคำนึงถึงประเทศเพื่อนบ้านประเทศที่มีความลำบาก เพราะหลายประเทศที่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ก็ยังไม่ได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคต เพราะขณะนี้ต้องดูแลคนในประเทศให้เรียบร้อยก่อน หากมีสำรองไว้มากพอแล้ว ก็จะพิจารณาเอาไปช่วยเหลือผู้ที่มีความต้องการและยากลำบากกว่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 64)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top