แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้าแกว่งไซด์เวย์ ผลหารือผู้นำสหรัฐ-จีนเชิงบวก,บาทแข็งหนุน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up ไร้ปัจจัยกระทบหนัก แม้วิตกการเจรจาผู้นำสหรัฐ-จีนแต่น้ำหนักออกมาในทางบวกเล็กน้อย อีกทั้งผลกำไรบริษัทจดทะเบียนทะลุ 2 แสนล้านบาทดีกว่าคาด รวมถึงเงินบาทแข็งค่า โดยรวมเป็นบวกต่อตลาดฯ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบราว 0.5-1% แนะติดตามผลสืบเนื่องจากการเจรจา 2 ผู้นำโลก พร้อมให้แนวรับ 1,633 แนวต้าน 1,650 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up หลังจากที่ยังไม่มีปัจจัยมากระทบหนัก แม้ยังวิตกการเจรจาของผู้นำสหรัฐและจีนอยู่บ้าง แต่น้ำหนักก็ออกมาในเชิงบวกเล็กน้อย อีกทั้งผลกำไรไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนไทยก็ออกมาทะลุ 2 แสนล้านบาท ซึ่งดีกว่าตลาดคาด รวมถึงเงินบาทก็อยู่ในทิศทางแข็งค่าด้วย โดยรวมดูแล้วน่าจะเป็นบวกต่อตลาดฯ

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบราว 0.5-1% โดยยังต้องติดตามผลสืบเนื่องจากการเจรจาของผู้นำสหรัฐและจีนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และบ้านเราก็ให้ติดตามการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ฯหลังบริษัทจดทะเบียนแจ้งงบไตรมาส 3/64 ครบถ้วน และได้รับข้อมูลชี้แจงเพิ่มเตืมแล้ว รวมถึงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และความคืบหน้ามาตรการของภาครัฐ

พร้อมให้แนวรับ 1,633 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 พ.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,142.22 จุด เพิ่มขึ้น 54.77 จุด (+0.15%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,700.90 จุด เพิ่มขึ้น 18.10 จุด (+0.39%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,973.86 จุด เพิ่มขึ้น 120.01 จุด (+0.76%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 98.56 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 45.97 จุด หรือ -0.18% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.23 จุด หรือ -0.09%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 พ.ย.)1,644.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.28 จุด (+0.32%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,396.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พ.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 80.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ย.) อยู่ที่ 4.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.78 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังยอดค้าปลีกสหรัฐฯสูงกว่าคาดหนุนดอลลาร์แข็งค่า
  • สศช.เผยแนวทางจัดสรรเงินกู้ที่เหลือ 2.26 แสนล้าน ลดเยียวยา เน้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้าน หลังโควิดคลี่คลาย พร้อมโยกใช้ป้องกันการระบาดมากขึ้น เปิดช่องอนุมัติเพิ่มซื้อยา ครม.เคาะ 2 หมื่นล้านจ่ายค่ารักษาโควิด
  • ม็อบรถบรรทุกบุกกระทรวงพลังงาน หั่นดีเซล 25 บาท ขีดเส้น 1 ธ.ค. ยกระดับไล่ รมต. ขู่ขึ้นราคาค่าขนส่ง 10% นายกฯ ยันเร่งแก้ปัญหา วอนอย่ากดดันเห็นใจประเทศบ้าง ครม.ไฟเขียวกู้ 2 หมื่นล้านตรึงราคา 30 บาท “สุพัฒนพงษ์” คาดประคองได้ 4 เดือน
  • ครม.สัญจร จ.กระบี่ เห็นชอบ 32 โครงการ ตามข้อเสนอเอกชนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 6 จังหวัด ลงทุน 8,000-9,000 ล้านบาท คาดเริ่มสร้างรายได้ ปี 2566 ปีละ 600,000-700,000 ล้านบาท โดยปีแรกเร่งทำก่อน 7 โครงการ สั่ง “ทีเส็บ” ไปประมูลชิงเจ้าภาพจัด 3 เมกะอีเว้นท์โลก ด้านสำนักงบฯ-สภาพัฒน์-เลขาฯ ครม.ขอเบรกเป็นเจ้าภาพเวิลด์ เอ็กซ์โป ไปก่อน
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 64 เริ่มฟื้นแล้ว แต่ยังมีปัจจัยกระทบทั้งเรื่องน้ำมัน ราคาสินค้าแพงขึ้น รวมถึงการระมัดระวังการใช้จ่ายสินค้าของประชาชน เพราะยังกังวลกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 การควบคุมการแพร่ระบาด จึงต้องการให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสุดท้าย เช่น ออกมาตรการช้อปดีมีคืนหากออกมาได้ในช่วงปีใหม่ จะทำให้มีเงินสะพัดประมาณ 30,000-50,000 ล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

  • BTS-W7(ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) ครั้งที่ 7) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 1,316,263,287 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 11.90 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (8 พ.ย. 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2564 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 7 พ.ย. 2567
  • BDMS (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 26 บาท ราคาหุ้นยัง Laggard จาก BH ที่ปัจจุบันราคาสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ไปแล้วแต่ ราคาหุ้น BDMS ยังต่ำกว่าระดับราคาในช่วงดังกล่าว ผลประกอบการแนวโน้ม Q4/64 และปีหน้าคาดกำไรสุทธิฟื้นตัวดีรับอานิสงส์ภาครัฐเปิดประเทศหนุนจำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น
  • AUCT (คิงส์ฟอร์ด)”ซื้อ”เป้า IAA Consensus 13.80 บาท รายงานกำไร Q3/64 ที่ 60 ล้านบาท +32%QoQ, +51%YoY รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นตามปริมาณรถเข้าประมูล ขณะที่การประมูลผ่านช่องทางออนไลน์ช่วยลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ GPM ดีขึ้น สำหรับแนวโน้ม Q4/64 คาดผลงานดีขึ้นต่อเนื่องหลังคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้กลับมาประมูลที่ลานประมูลได้ รวมถึงได้รับปัจจัยบวกตามฤดูกาลที่สถาบันการเงินจะเร่งประมูลรถก่อนราคาตกในปีถัดไป ส่วนปี 65 คาดว่าตลาดประมูลรถฟื้นตัว ปริมาณรถเข้าระบบเพิ่มขึ้นตามปริมาณหนี้เสียของสถาบันการเงิน รวมถึงได้พันธมิตรรายใหม่ช่วยต่อยอดการประมูลสินค้าหลากหลายมากขึ้น
  • CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 68 บาท คาดกำไร Q4/64 ฟื้นตัวเด่นที่ราว 1.5-1.7 พันลบ.หลังกลับมาเปิดห้างได้ตามปกติ และ Traffic ฟื้นกลับมาที่ราว 80% เทียบกับก่อนล็อกดาวน์ ทำให้ส่วนลดที่ให้ผู้เช่าทยอยลดลง ระยะยาวมีแรงหนนุทั้งการลงทุนใน SF และห้างใหม่ เซ็นทรัลศรีราชาและอยุธยา รวมถึงการ Renovate Isetan คาดกำไรปี 65-66 +95% Y-Y และ +32% Y-Y พร้อมให้แนวรับ 57-57.50 บาท แนวต้าน 22.50 ถัดไป 59.50-60 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top