EA เก็บเกี่ยวผลลงทุน EV-แบตเตอรี่-พลังงานทดแทนหวังหนุนปี 65 โตต่อเนื่อง

นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้

เนื่องด้วยจะเป็นปีของการเก็บเกี่ยวสิ่งที่ได้ลงทุนไปในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบตเตอรี่, รถโดยสารไฟฟ้า (E-Bus) และพลังงานทดแทน (Renewable Power) ภายหลังจากที่ได้มีเปลี่ยนแผงโซลาร์ของโรงไฟฟ้าที่ จ.นครสวรรค์ และจ.ลำปาง ในไตรมาส 4/64 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในปลายไตรมาส 1/65

สำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) บริษัทฯ คาดว่าในปีหน้าจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก (Key Driver) และน่าจะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ทั้ง รถโดยสารไฟฟ้า บริษัทฯ ก็เตรียมส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ให้แก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว คือ บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด (TSB), เรือโดยสารไฟฟ้า มีเป้าหมายผลิตเรือโดยสารไฟฟ้าทั้งสิ้น 27 ลำในสิ้นปี 64 โดยการเติบโตเรือฯ ในอนาคต จะมาจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงเทคโนโลยีของเรือที่มีระบบระบบชาร์จเร็ว (Fast Charge) สามารถประยุกต์ให้เป็นเรือท่องเที่ยว หรือประยุกต์ใช้กับเรือของประเทศเพื่อนบ้าน

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทย่อยในเครือต่างๆ มีการเติบโตที่ดี บริษัทก็พร้อมที่จะนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ส่วนโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแบเตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (ATT) ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ คาดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธ.ค.64 และน่าจะเริ่มผลิตเพื่อส่งมอบได้ในต้นเดือนม.ค.65 ซึ่งในระยะแรกจะผลิตและจำหน่ายให้กับบริษัทในกลุ่มก่อน หรือรองรับธุรกิจ EV ของบริษัททั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น E-Bus, E-Truck, E-Train, E-Ferry เป็นต้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตรวมเป็น 4 กิวัตต์ ภายใน 2-3 ปี

สำหรับปี 64 บริษัทมั่นใจรายได้เติบโตตามเป้า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 17,196 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนของปีนี้มีรายได้แล้ว 14,819.95 ล้านบาท โดยภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วนของโซลาร์ฟาร์มและวินด์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ และจากธุรกิจแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็น New S-Curve ที่จะทยอยส่งมอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้า โดยในส่วนของโรงงานผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ในจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังเสร็จครบทั้งหมดจะมีกำลังการผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 3,000 คันต่อปี

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการสนับสนุนใช้รถ EV ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไป และส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐ เปลี่ยนมาใช้รถ EV เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจใหม่ของกลุ่ม EA เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ จากการขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับภาคเอกชน และเจาะตลาดหน่วยงานภาครัฐ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top