“ไบเดน” ประกาศแผนสู้โอไมครอน ปูพรมฉีดวัคซีน-ตรวจเชื้อ แต่ไม่ล็อกดาวน์

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศมาตรการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในช่วงฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามา อย่างไรก็ดี ปธน.ไบเดนยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่มีการล็อกดาวน์ และจะไม่ขยายข้อกำหนดการฉีดวัคซีนให้เข้มงวดมากไปกว่ามาตรการที่บังคับใช้ในปัจจุบัน

“มาตรการต่อสู้ไวรัสโอไมครอนจะไม่ครอบคลุมถึงการชัตดาวน์หรือล็อกดาวน์ แต่จะใช้วิธีการปูพรมฉีดวัคซีนและบูสเตอร์เป็นวงกว้าง และจะมีการตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย”

“ในระหว่างที่ข้อกำหนดการฉีดวัคซีนของรัฐบาลกลางกำลังได้รับการทบทวนในศาลหลายแห่งของสหรัฐนั้น ทางรัฐบาลจะไม่ขยายหรือเพิ่มเติมข้อกำหนดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผมเชื่อว่า จะช่วยให้ชาวอเมริกันทุกคนให้การสนับสนุนแผนนี้ รวมถึงจะได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรส” ปธน.ไบเดนกล่าว

ปธน.ไบเดนระบุว่า เป้าหมายของรัฐบาลสหรัฐคือการผลักดันให้โรงเรียนยังคงเปิดการเรียนการสอน โดยได้เปิดคลินิกฉีดวัคซีนให้กับครอบครัวหลายร้อยครัวเรือนที่ศูนย์สาธารณสุขในชุมชน และพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ปกครองในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ

“เราต้องการให้เด็ก ๆ ของเราไปโรงเรียน แต่แนวทางที่ดีที่สุดก็คือการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก ๆ” ปธน.ไบเดนกล่าว

มาตรการดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการตรวจเชื้อโควิด-19 ฟรีที่บ้าน โดยชาวอเมริกันที่มีประกันสุขภาพจะได้รับแจกชุดตรวจเชื้อ และทางรัฐบาลจะแจกจ่ายชุดตรวจโควิด-19 ฟรีจำนวน 50 ล้านชุดให้กับศูนย์สาธารณสุขและคลินิกในพื้นที่ห่างไกล เพื่อช่วยเหลือประชนที่ไม่มีประกันสุขภาพ

นอกจากนี้ นับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป สหรัฐจะกำหนดให้ผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อภายในเวลา 24 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศไม่ว่าผู้นั้นจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐจะขยายเวลาการบังคับสวมหน้ากากอนามัยสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและระบบขนส่งสาธารณะจนถึงวันที่ 18 มี.ค. 2565

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐไม่คิดว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมในเวลานี้ แต่สิ่งที่จำเป็นคือการผลักดันแผนการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่และวัคซีนบูสเตอร์ เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโอไมครอน

“คณะบริหารของผมกำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทไฟเซอร์, โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพื่อพัฒนาวัคซีนและบูสเตอร์ นอกจากนี้ เราได้สั่งการให้สำนักงานอาหารและยา (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ เร่งกระบวนการอนุมัติให้เร็วขึ้นหากจำเป็น”

สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ในรัฐแคลิฟอร์เนีย จากนั้นพบผู้ติดเชื้อรายที่ 2 ในรัฐมินนิโซตาเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.

ล่าสุดในช่วงเย็นวานนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย นางเคธี โฮชูล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กแถลงยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนจำนวน 5 รายในนครนิวยอร์กซิตี้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ธ.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top