แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้าปรับขึ้นตามตปท. เล็งแรงหนุนจาก Short Covering ช่วงรอประชุมเฟด

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นก่อนที่จะค่อย ๆ ย่อลง หลังตลาดภูมิภาคเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดสหรัฐฯที่ฟื้นตัว รับแรงหนุนจากการทำ Short Covering ในช่วงรอดูปัจจัยบวกใหม่เข้ามา แต่ตลาดฯคงจะไม่ไล่ราคาหุ้น เนื่องจากยังต้องรอดูเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน-รอดูการประชุมเฟดกลางสัปดาห์นี้ จับตาประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,610-1,602 แนวต้าน 1,628-1,635 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นก่อนที่จะค่อย ๆ ย่อตัวลง เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกัน ตามตลาดสหรัฐฯที่ฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากการทำ Short Covering หลังจากที่ขายไปมากแล้วก็มีแรงซื้อคืนกลับมาบ้าง และรอดูปัจจัยบวกใหม่เข้ามา

แต่ตลาดฯคงจะไม่เป็นลักษณะของการเล่นไล่ราคาหุ้น เนื่องจากยังต้องรอดูพัฒนาการเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอยู่ และยังต้องรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ด้วย

ส่วนบ้านเราก็รอติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่วันนี้ ซึ่งน่าจะมีการปรับเกณฑ์โซนต่าง ๆ พร้อมให้แนวรับ 1,610-1,602 จุด ส่วนแนวต้าน 1,628-1,635 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,970.99 จุด เพิ่มขึ้น 216.30 จุด (+0.60%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,712.02 จุด เพิ่มขึ้น 44.57 จุด (+0.95%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,630.60 จุด เพิ่มขึ้น 113.23 จุด (+0.73%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 267.49 จุด หรือ +0.94%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 246.54 จุด และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 20.59 จุด หรือ +0.56%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ธ.ค.)1,618.23 จุด ลดลง 0.13 จุด (-0.01%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 695.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 71.67 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ธ.ค.) อยู่ที่ 6.51 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.50 คาดกรอบวันนี้ 33.40-33.60 ตลาดจับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้

– ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้เทรนด์ธุรกิจการเงิน แห่ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งต่อเนื่อง แบงก์ต้องปรับตัวไม่ให้โดนดิสรัป เผยแบงก์-นอนแบงก์ลุยลงทุนดิจิทัลแอสเสท “เฟทโก้” หนุนโรดแมพพัฒนา ตราสารทุนดิจิทัลผลักดันเศรษฐกิจไทย ตลท.ผุดกระดานซื้อขายดิจิทัลแอสเสทเปิดทางสตาร์ทอัพ-บจ.ระดมทุน กสิกรไทยแนะใช้เงินเย็นลงทุน เตือนราคาเหรียญพุ่งแรง-ผันผวน

– คลัง หวั่น คริปโทเคอร์เรนซี กระทบเสถียรภาพระบบการเงิน-ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เผย ก.ล.ต.นัดหารือมาตรการตรวจสอบปั่นราคา คริปโท 23 ธ.ค. นี้ ด้าน ก.ล.ต. ชี้ แนวทางดูแลยึดหลัก “สนับสนุนการพัฒนาควบคู่กับคุ้มครองนักลงทุน” เตือน บจ.เพิ่มความระมัดระวังรับสินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้า-บริการ “ธปท.” เร่งสรุปแนวทางกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล

– กบข.จับตาประชุมเฟด วันที่ 14-15 ธ.ค.2564 คาดขยับดอกเบี้ยเร็วขึ้น หวังลดแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อกระฉูด ห่วงโอมิครอนกระทุ้งปัญหา supply disruptions อยู่ยาว พร้อมแนะปรับพอร์ตลงทุน หันถือสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ชู “หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์” แจ่มสุด รับอานิสงส์เฟ้อพุ่งเต็มสูบ

– ธปท. โดยความเห็นชอบของ รมว.คลัง ได้ออกหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (แบงก์รัฐ) เพื่อยกระดับการดำเนินการของแบงก์รัฐให้มีประสิทธิภาพ มั่นคงปลอดภัย และสามารถดำเนินการตามพันธกิจได้อย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ ธปท.เห็นควรทำหลักเกณฑ์กำกับดูแลแบงก์รัฐ 5 ฉบับ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 เป็นต้นไป

– นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ให้มีการยกเว้นเก็บภาษี การตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้าเหล็กแผ่นชุบหรือเคลือบด้วยโครเมียมทั้งชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (ทินฟรี) ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป จำนวน 8 พิกัด เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.64 ที่ผ่านมา

 

หุ้นเด่นวันนี้

– KBANK (กรุงศรี)”ซื้อ”เป้า 166 บาท สินเชื่อเติบโตดีสุดของกลุ่ม สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มผ่อนคลายเป็นบวกต่อกลุ่มธุรกิจ SME และเป็นบวกต่อ KBANK เพราะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ SME มากที่สุดของกลุ่มเช่นกัน

– TACC(คิงส์ฟอร์ด)”ซื้อ”เป้า IAA Consensus 9.50 บาท แนวโน้มผลประกอบการ Q4/64 เติบโตขึ้นต่อเนื่อง QoQ. YoY ตามการบริโภคที่ฟื้นตัวหลังรัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้คนเข้า 7-11 มากขึ้น โดยบริษัทออกเครื่องดื่มโถกดรสชาติใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี ขยายช่องทางการขายนอกร้าน 7-11 ส่วนผลิตภัณฑ์กัญชงคาดชัดเจนมากขึ้นในช่วง Q2/65

– DITTO (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 21 บาท แนวโน้ม Q4/64 อาจอ่อนตัว Q-Q ตามฤดูกาลแต่ยังโตต่อเนื่อง Y-Y และเป็นหนึ่งผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากเทรนด์ Digital Transformation และ Paperless ในระยะยาว โดยคาด EPS ปี 64 +10% Y-Y และเร่งขึ้น +35% Y-Y ในปี 2022 โดยอยู่ระหว่างประมูลงานมูลค่ากว่า 1 พันลบ. และหลายงานจะประกาศผู้ชนะเดือนนี้เป็น Catalyst บวก พร้อมให้แนวรับ 17-16.80 ถัดไป 7.35 บาท แนวต้าน 17.50-17.70 ถัดไป 18.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top