ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าไร้ทิศทาง นักลงทุนยังจับตาผลกระทบโอมิครอน

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าไร้ทิศทาง โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างบางเบา เนื่องจากตลาดบางแห่งปิดทำการในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,711.12 จุด ลดลง 71.47 จุด หรือ -0.25%

ตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดทำการวันนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์โควิดในจีน หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 21 เดือนที่เมืองซีอาน โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการที่รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (26 ธ.ค.) ระบุว่า เมืองซีอานตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด 155 รายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 75 รายในวันศุกร์ ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศจีนอยู่ที่ 158 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่จีนพยายามควบคุมการระบาดเมื่อช่วงต้นปี 2563

ขณะที่สิงคโปร์ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการสกัดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนบางส่วนวานนี้ หลังผลการวิจัยจากนานาประเทศยืนยันตรงกันว่า แม้โอมิครอนจะแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่า แต่ก็มีความรุนแรงน้อยกว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ประกาศยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางสำหรับผู้เดินทางจากบอตสวานา เอสวาตินี กานา เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว ผู้โดยสารทุกคนที่มีประวัติการเดินทาง 14 วันไปยังประเทศเหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศและเปลี่ยนเครื่องผ่านสิงคโปร์ได้ แต่ยังคงอยู่ภายใต้มาตรการด้านการข้ามพรมแดนบางประการ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานไปแล้วนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เผยว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีนในเดือนพ.ย. ขยับขึ้นเพียง 9% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 8.0596 แสนล้านหยวน (1.2654 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 24.6%

สำหรับปัจจัยที่ทำให้กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนชะลอตัวลงนั้น มาจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ และอุปสงค์ของผู้บริโภคที่อ่อนแรงลง

ทางด้านญี่ปุ่นเผยว่ายอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 1.9% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.7% และมากกว่าตัวเลขของเดือนต.ค.ที่ 0.9% เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง ซึ่งทำให้ประชาชนใช้จ่ายไปกับสินค้าและบริการมากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ธ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top