นายวิโรจน์ เจริญตรา รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บมจ.พรีบิลท์ (PREB) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 64 มั่นใจว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) ทั้งงานรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวม 9 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 3 ปี โดยปีนี้จะรับรู้ในสัดส่วนประมาณ 50-60%
ดังนั้น จึงมั่นใจว่าแม้จะเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ ยังสามารถทำผลงานได้ดีและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
“ปี 64 จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วง 1-2 ปีก่อนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการรับรู้โครงการที่ลงทุนโดยตรงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในโครงการบ้านเดี่ยวโครงการแรกผ่านบริษัทย่อย ‘IS AM ARE’ (อีสแอมอาร์) ส่งแบรนด์ ‘พรรณนา’ เจาะทำเลศักยภาพบนถนนพุทธมณฑลสาย 3 ด้วยมูลค่าโครงการรวม 1,250 ล้านบาท ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้เตรียมจะเปิดโครงการเพิ่มเติมอีก ขณะที่โครงการร่วมลงทุนมีแนวโน้มที่ดีโดยโครงการคอนโนมิเนียม Premio Quinto ก็น่าจะปิดยอดโอนได้ทั้งหมด รวมถึง โครงการทาวน์โฮมที่ผ่านมามีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง”
นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายแต่ละธุรกิจไว้แบ่งเป็นในส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะมีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 15%จากปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาฯน่าจะฟื้นตัวดี และบริษัทจะหันมาเน้นรับเหมาก่อสร้างในงานอาคารออฟฟิศ งานส่วนของราชการ และงานก่อสร้างโรงพยาบาลมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้เตรียมความพร้อมเพื่อจะเข้าไปประมูลงานก่อสร้างโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง
ขณะที่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่จะเป็นการรับรู้จากโครงการที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้า ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 30% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และประเมินว่าจากนี้ไปน่าจะถึงเวลาที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ม.ค. 64)
Tags: backlog, PREB, ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, พรีบิลท์, รับเหมาก่อสร้าง, วิโรจน์ เจริญตรา, อสังหาริมทรัพย์