แนวโน้มหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามตปท.ขานรับตัวเลขศก.จีนดี-ดอลลาร์อ่อนค่า

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามต่างประเทศ ทั้งตลาดภูมิภาค-ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้บวกถ้วนหน้า ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจจีนดี-ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย มองพิธีสาบานตน”ไบแดน”-ประชุม ครม.ไทยเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดฯไปต่อ แนะติดตามประกาศงบ-ปันผลกลุ่มแบงก์ คาดเลือกเล่นเป็นรายตัว ให้แนวรับ 1,500-1,492 โดยเฉพาะ 1,480 ส่วนแนวต้าน 1,517-1,525 เน้น 1,520 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาดี โดยผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 63 ขยายตัว 2.3% และเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยหลังจากวานนี้แข็งค่ากดดันให้มีแรงขายในตลาดเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาระดับหนึ่งรับผลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าไปแล้ว เนื่องจากนางเจเน็ต เยเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณจะไม่แทรกแซงค่าเงิน

อย่างไรก็ดี ตลาดฯ ยังมีปัจจัยขับเคลื่อนต่อไปได้จากการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดน ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ และผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ที่จะมีประเด็นการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศผ่านโครงการ”เราชนะ” หากผ่านไปได้ตามที่กำหนดไว้ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น

นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่ยังมองทิศทางตลาดในทางขาขึ้น แนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะเงินปันผล คาดว่านักลงทุนคงจะเลือกลงทุนเป็นรายตัว

พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,492 จุด โดยเฉพาะ 1,480 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,517-1,525 จุด แต่หลัก ๆ อยู่ที่ 1,520 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 18 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.14 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 163.28 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 237.40 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ม.ค.) 1,510.13 จุด ลดลง 9.00 จุด (-0.59%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 135.13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ม.ค.64
  • ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวันจันทร์ที่ 18 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ม.ค.) อยู่ที่ 1.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.05/08 คาดแกว่งแคบไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบ 30.00-30.15
  • คลัง-ธปท.หารือแก้ พ.ร.ก.ซอฟท์โลน จ่อเพิ่มดอกเบี้ยเป็น 5% จูงใจแบงก์ปล่อยกู้อุ้มภาคธุรกิจ “ไทยพาณิชย์” ชี้เป็นผลดีต่อลูกหนี้ “คลัง” ชง ครม.อนุมัติ 2.1 แสนล้าน เยียวยารอบใหม่ ผ่านมาตรการ “เราชนะ” จ่ายเดือนละ 3,500 บาท รวม 2 เดือน รวม 31 ล้านคน เปิดให้ลงทะเบียนผ่าน www.เราชนะ.com
  • ค้าปลีกอ่วมพิษโควิดคาดไตรมาสแรกติดลบ 7-8% ต่อเนื่องปีก่อนวูบ 5 แสนล้าน ติดลบหนักสุด 12% กระทุ้งรัฐอัดยาแรง “วัคซีนฟื้นธุรกิจ” เสนอ 5 มาตรการเร่งด่วนลดอัตราว่างงาน-เพิ่มจ้างงานใหม่ ซอฟท์โลนผ่านแพลตฟอร์มรีเทล เชื่อต่อลมหายใจเอสเอ็มอี 4 แสนรายทันที เก็บภาษีนำเข้า-ภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่บาทแรกกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คุมไม่ขายสินค้าต่ำกว่าทุน
  • บีโอไอปลื้มปี’63 ออกบัตรส่งเสริมลงทุนกว่า 4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% สัญญาณเม็ดเงินเข้าระบบ ศก.จริง เผยปีนี้แนวโน้มลงทุนดีหรือไม่ขึ้นกับสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่ที่รัฐบาลต้องควบคุมให้ได้ พร้อมผลการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีอีซีที่ต้องเป็นไปตามแผน เปิดแผนส่งเสริมดันลงทุนเอกชน พร้อมปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่
  • กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยแนวโน้มการใช้เหล็กของไทยในปี 64 คาดว่าจะเติบโตจากปี 63 ประมาณ 5-8% หรืออยู่ที่ประมาณ 17-18 ล้านตัน สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากปีก่อน ประกอบกับนโยบาย Made in Thailand ที่กรมบัญชีกลางประกาศกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ผลิตในประเทศ ไม่น้อยกว่า 60% ที่ได้ขึ้นบัญชีรายชื่อไว้กับ ส.อ.ท.ซึ่งจะเป็นผลบวกการใช้เหล็กในประเทศเพิ่มขึ้นคาดว่าการปฏิบัติทางกรมบัญชีกลางน่าจะแจ้งและมีผลได้เดือนกุมภาพันธ์นี้
  • ทอท.ซมพิษโควิด! รับไม่อายปี 64 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ขาดทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่ไม่กระทบแผนขยายสนามบิน 6 แห่งรวม 9 หมื่นล้านบาทแน่ เหตุยังมีเงินสดในมืออีกกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท และทยอยลงทุนเป็นรายปี มั่นใจปี 65 เมื่อโควิดคลี่คลายหลังมีวัคซีนแล้ว เงินไหลเข้าได้แน่ปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

  • TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 102 บาท เป็น 1 ใน Top Pick ผู้บริหารให้เป้าทางการเงินปี 64 เป็นกลางทั้งในแง่ NIM ที่คาดทรงตัวได้ที่ 4.6-4.7% ส่วน Loan Growth คาดทรงตัวหรือลดเพียงเล็กน้อย ส่วนด้านคุณภาพหนี้ยังค่อนข้างสบายใจโดยมีหนี้ภายใต้โครงการช่วยเหลือลดลงอย่างมีนัยเหลือเพียง 2% ขณะที่ด้านการจ่ายปันผล คาดมีโอกาสเกิด Positive Surprise จากคาดจ่าย 3.75 บาท/หุ้น เนื่องจากบริษัทลูกสามารถจ่าย Payout ได้สูงกว่าข้อจำกัดของ ธปท.ต่อกลุ่มธนาคารที่ 50%
  • COM7 (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้าสูงสุด IAA Consensus 49 บาท คาดงบ Q4/63 ทำ All time high โดยมีการเปิดขาย iPhone12 และมาตรการช้อปดีมีคืนช่วยหนุนยอดขาย, NAV จากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นตามราคาหุ้น NCAP (COM7 ถือหุ้น 33.9%)
  • PTG (เคจีไอ) “เก็งกำไร”เป้า 21.2 บาท ประเมินกำไร Q4/63 = 531 ล้านบาท (+49% YoY, +4% QoQ) เป็นสถิติสูงสุดรายไตรมาสของ PTG นอกจากนี้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบล่าสุดยังยืนสูงต่อเนื่องจาก Q4/63 เป็น Sentiment บวกต่อธุรกิจไบโอดีเซล ด้าน PE ปี 64 ต่ำเพียง 15.9 เท่า คิดเป็นเพียง -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top