หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มอ่อนลงจากแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปเร็ว-ยังไม่ผ่าน 1,500

นักวิเคราะห์ฯมองตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโมเมนตัมดี แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรบ้างหลังขึ้นไปเร็ว-พยายามทะลุด่าน 1,500 จุด แต่ยังไปไม่ค่อยไหว แต่ภาพโดยรวมตลาดยังดีทำให้ไม่ปรับตัวลงลึก ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ราคาพลังงานขยับขึ้นไปมากอาจเป็นแรงหนุนกลุ่มพลังงานได้ พร้อมให้ติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ-วัคซีนโควิด เพราะจะมีผลต่อการลงทุนของต่างชาติ พร้อมให้แนวรับ 1,460 แนวต้าน 1,500 จุด

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโมเมนตัมดีอยู่ แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาได้บ้างหลังจากที่ปรับขึ้นไปเร็วและพยายามที่จะทะลุด่าน 1,500 จุด แต่ก็ยังไปไม่ค่อยไหว ซึ่งภาพโดยรวมของตลาดฯยังใช้ได้จึงทำให้ดัชนีฯไม่น่าจะปรับตัวลงลึก ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากตลาดฯ มีการพักบ้างเล็กน้อยก็ถือเป็นเรื่องดีกว่าขึ้นไปตลอดอย่างเดียว

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ในจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงเท่าไร ซึ่งหากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศสามารถลดลงได้นักลงทุนต่างชาติก็จะกล้ากลับมาลงทุน เพราะการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวขึ้นได้ด้วย โดยตอนนี้ต่างชาติยังขายอยู่ อีกทั้งต้องติดตามวัคซีนโควิด-19 จะนำมาใช้ได้เมื่อไหร่ เพราะประเทศไทยซื้อช้าและน้อยด้วย ไม่ค่อยเพียงพอกับคนในประเทศ

ทั้งนี้ ราคาพลังงานได้ขยับขึ้นไปมากแล้วถึง 58-59 เหรียญฯ/บาร์เรล ทำให้อาจเป็นแรงหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,723.60 จุด เพิ่มขึ้น 36.12 จุด (+0.12%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,830.17 จุด เพิ่มขึ้น 3.86 จุด (+0.10%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,610.54 จุด ลดลง 2.23 จุด (-0.02%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 13.53 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 89.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 213.92 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ก.พ.)1,481.75 จุด ลดลง 4.50 จุด (-0.30%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,055.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ก.พ.) ปิดที่ 55.69 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ก.พ.) อยู่ที่ 2.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.01/02 ตลาดรอดูตัวเลขศก.สหรัฐ-ประชุม BoE ให้กรอบวันนี้ 29.85-30.05
  • รฟม.ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.4 แสนล้าน อ้างติดกระบวนการศาลห่วงโครงการล่าช้า ส่งผลกรอบเวลาประมูลลดความเสี่ยงทางคดี เร่งทำเอกสารใหม่ยึดเกณฑ์ข้อเสนอราคาพ่วงเทคนิค มั่นใจเดินหน้าจบใน 8 เดือน หวั่นเอกชนฟ้องอ้างเหตุล้มประมูล “บีทีเอส” รอฟังเหตุผลยกเลิกประมูลก่อนกำหนดท่าที.
  • กกร.เสนอรัฐตั้งทีมวัคซีน ระบุเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมกระจายให้ ปชช.ทั่วถึงเพียงพอ อ้อนรัฐช่วยลดหย่อนภาษีจับตาใกล้ชิด เอกฉันท์! “กนง.” สั่งคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ต่อปี
  • นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจ ว่าได้รายงานความคืบหน้าถึงแผนปฏิบัติการเชิงรุกดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติในปีนี้ ให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบหลังจากได้วางแผนมานาน 1 เดือน โดยนายกฯ ได้รับทราบแนวทางการทำงาน ซึ่งจากนี้จะมีการปรับสิทธิประโยชน์ แก้ไขกฎระเบียบให้มีความสะดวกกับนักธุรกิจ รวมทั้งปรับปรุงมาตรการทางภาษี ทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะได้ข้อสรุปใน 60 วันนี้ หากทำสำเร็จจะช่วยดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น
  • นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดประจำไตรมาส 4 ปี 2563 ที่สำรวจจากผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด 112 ตัวอย่าง ว่า ดัชนีอยู่ที่ 47.3 ต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 ลดจาก 47.4 ในไตรมาส 3/2563 และลดจาก 51.1 ในไตรมาส 4/2562 สาเหตุที่ทำให้ดัชนีลดลง มาจากโควิด-19 ระลอกใหม่โดยเฉพาะที่จังหวัดสมุทรสาครทำให้จำนวนลูกค้าทั้งคนไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงกำลังซื้อลดลง ความถี่ในการซื้อลดลง ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นจากการต้องดูแลความปลอดภัยของลูกค้า พนักงาน

หุ้นเด่นวันนี้

  • PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 125 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 1 ปี และมองบวกจากดีลซื้อแหล่งผลิตก๊าซฯและคอนเดนเสทในโอมานช่วยเพิ่มกำลังการผลิตให้กับ PTTEP ประมาณ 17%
  • NOBLE (เอเชีย เวลท์) “ซื้อ”เป้า 9.90 บาท มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการชองบริษัทสำหรับงวด Q4/63 คาดจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิปี 63 ดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ชึ้น 12% เพื่อสะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และยังคาดว่าจะได้ประโยชน์หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งคาดว่าจะเห็น Pent Up Demand จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งบริษัทมีความเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทยังมีอัตราเงินปันผลในระดับที่สูง 8-10% โดยคาดว่าเงินปันผลสำหรับ 2H63 จะอยู่ที่ 0.44 บาท ต่อหุ้น (Div.Yld. 5.8%) และเลือกเป็น Top Picks สำหรับกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
  • MINT (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 30.00 บาท รับปัจจัยบวกจากทั้งกรณีวัคซีนพาสปอร์ตและสถานการณ์การระบาดในยุโรปที่ดีขึ้นพร้อมกับการกระจายวัคซีน โดย MINT มีโรงแรมในโซนยุโรปอยู่มาก ในขาของการฟื้นตัวคาดว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มโรงแรมอื่น พร้อมประเมินผลการดำเนินงานปี 2563 ขาดทุนที่ 1.8 หมื่นลบ. แต่คาดจะพลิกกลับมามีกำไรที่ 1.77 พันลบ. ในปี 2564

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (4 ก.พ. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top