สภาคองเกรสเตรียมเปิดฉากไต่สวนกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในปรากฎการณ์ GameStop ที่สร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะจัดการไต่สวนดังกล่าวในวันนี้เวลา 12.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 00.00 น.ตามเวลาไทย โดยผู้ที่จะต้องเข้าให้การต่อทางคณะกรรมาธิการฯ ได้แก่ ผู้บริหารของ Robinhood บริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์ ซึ่งให้บริการซื้อขายหุ้นผ่านแอปพลิเคชั่นโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม, ผู้บริหารของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ได้แก่ Citadel และ Melvin Capital และผู้จัดการเว็บบอร์ด Reddit ซึ่งมีการเปิดห้องแชท WallStreetBets สำหรับนักลงทุนรายย่อยจำนวนกว่า 7.6 ล้านราย
นอกจากนี้ ผู้ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเข้าให้การในวันนี้คือ คีท กิล ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการปลุกระดมนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทให้ลุกขึ้นมาสู้กับเฮดจ์ฟันด์ในปรากฎการณ์ GameStop
กิล ใช้นามแฝงว่า u/DeepF******Value ในห้อง WallStreetBets และมีช่องยูทูบเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า Roaring Kitty
นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า กิลได้ถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนว่า การลงทุนของเขาใน GameStop ถือเป็นการทับซ้อนของผลประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากเขามีอาชีพเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นางแม็กซีน วอเตอร์ส ประธานคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ตนต้องการให้กิลเข้าให้การต่อทางคณะกรรมาธิการฯ เกี่ยวกับบทบาทของเขาในมหากาพย์ GameStop
“ดิฉันมีเขาอยู่ในรายชื่อแล้ว บางคนก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าจะมา แต่ดิฉันต้องการให้กิลมาที่นี่” นางวอเตอร์สกล่าว
มีการกล่าวกันว่า กิลสามารถทำกำไรอย่างมากจากปรากฎการณ์ GameStop แต่กิลยืนยันว่า เขาขาดทุนมากกว่า 13 ล้านดอลลาร์เฉพาะในวันที่ 2 ก.พ.เพียงวันเดียว ขณะที่หุ้น GameStop ดิ่งลงในวันดังกล่าว
กิลถือเป็นผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับมวลหมู่นักลงทุนรายย่อยในห้อง WallStreetBets เพื่อให้รวมพลังสู้กับเฮดจ์ฟันด์ จนทำให้ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้นถึง 400% ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนม.ค. และทะยานขึ้น 1,625% ในเดือนดังกล่าว โดยนักลงทุนพากันไล่ซื้อหุ้น GameStop เพื่อดันราคาให้สูงขึ้น และกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่า GameStop ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า
กิลเปิดเผยว่า เขาได้ถือหุ้น GameStop ถึง 50,000 หุ้น และคอลล์ออปชั่นจำนวน 500 ออปชั่นนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยขณะที่ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้น ก็ได้ทำให้ผลตอบแทนจากการถือหุ้นของเขาสูงถึงกว่า 2,000% หรือราว 33 ล้านดอลลาร์ แต่เมื่อราคาหุ้นดิ่งลง 60% ในวันที่ 2 ก.พ. ก็ได้ทำให้เขาขาดทุนทันที 13.6 ล้านดอลลาร์
ส่วน Robinhood ก็ถือเป็นตัวละครสำคัญในปรากฎการณ์ GameStop หลังจากที่ถูกผู้ใช้บริการฟ้องรวมกว่า 30 คดี จากการที่ทางบริษัทได้เคยทำการบล็อกนักลงทุนมิให้เข้าซื้อหุ้น GameStop ขณะที่ราคาหุ้นกำลังพุ่งขึ้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อนักลงทุน โดยมองว่า Robinhood กำลังสกัดการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น GameStop เพื่อช่วยเหลือบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์มิให้ขาดทุนต่อไป
ทางด้าน Robinhood ระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสกัดความผันผวนในตลาด และปกป้องนักลงทุน โดยบริษัทปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ และการบริหารจัดการความเสี่ยง ก่อนที่ Robinhood จะประกาศยกเลิกมาตรการจำกัดการซื้อหุ้นในที่สุด
ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดวอลล์สตรีทเนื่องจากการทะยานขึ้นของหุ้น GameStop ได้สร้างความวิตกเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาด และทำให้ทีมเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ประกาศจับตาความผันผวนในตลาดอย่างใกล้ชิด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.พ. 64)
Tags: GameStop, Robinhood, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นสหรัฐ, สภาคองเกรส