อนุทิน ยืนยัน นายกฯ ประเดิมฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกจากแอสตร้าเซนเนก้า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นคนแรกของประเทศไทย โดยในวันที่ 24 ก.พ.วัคซีนทั้งสองยี่ห้อ คือ แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 117,000 โดส และ ซิโนแวก จะเดินทางมาถึงประเทศไทย

“ได้ นายกฯต้องเป็นเข็มแรก เพราะเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งต้องมีกระบวนการประเมินความเสี่ยง โดยกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นขั้นตอนตามวิธีการสากล ไม่ใช่วิธีปฏิบัติต่อบุคคลใดเป็นพิเศษ”

นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้รับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนกา ซึ่งที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุ โดยผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนเป็นผู้จัดหามาให้ก่อน และเมื่อนายกรัฐมนตรีฉีดวัคซีนแล้วก็จะปฏิบัติงานในหน้าที่ได้ตามปกติ ส่วนจะฉีดเมื่อไหร่นั้นต้องรอให้ นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกัน โควิด-19 เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด รวมถึงแผนการเตรียมฉีดวัคซีนให้กับคนไทยด้วย

ส่วนการเว้นระยะฉีดระหว่างเข็มแรกกับเข็มที่สองของแอสตร้าเซนเนก้า จะต้องเว้นห่างกันประมาณ 6 สัปดาห์ ส่วนของซิโนแวกจะต้องเว้นห่างกัน 14-28 วัน ซึ่งในรายละเอียดทางวิชาการตนเองไม่สามารถชี้แจงได้มากนัก เพราะเป็นแผนกสนับสนุนให้เกิดความสำเร็จ

นายอนุทิน กล่าวว่า การฉีดวัคซีนจะเริ่มต้นที่สถานพยาบาลก่อน เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่ ทางกรมควบคุมโรค จะต้องมีความมั่นใจว่าจะทำให้เกิดความปลอดภัย สูงสุดกับประชาชน โดยจะต้องสังเกตอาการภายหลังฉีดวัคซีน 30 นาที จากนั้นกระทรวงสาธารณสุขและสถานพยาบาลต่างๆจะให้ยาแก้แพ้ให้ตามอาการจากเบาไปหาหนัก

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับวัคซีนโควิดมา 2 ยี่ห้อ คือ ซิโนแวก และแอสตราเซนเนกา ส่วนยี่ห้ออื่นๆ กำลังตามมา ซึ่งต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยก่อน โดยเฉพาะภาคเอกชนที่ต้องการนำเข้าวัคซีน ต้องดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้อง โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้น และถือเป็นข้อดีที่คนไทยจะมีวัคซีนมากกว่า 65 ล้านโดสที่รัฐบาลจัดหาไว้

“วัคซีนโควิด-19 ที่รัฐบาลจัดหามา ถือเป็นวัคซีนของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่วัคซีนของนายกรัฐมนตรี เป็นการอนุมัติร่วมกันของคณะรัฐมนตรีในการจัดหาวัคซีนให้กับคนไทยทุกคน”

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากมีวัคซีนแล้วถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้การท่องเที่ยวและการประกอบธุรกิจต่างๆดีขึ้น เพราะอาจมีการกำหนดว่าหากใครฉีดวัคซีนแล้วและมีใบรับรอง การเดินทางเข้าประเทศไทยอาจไม่ต้องกักตัว แต่ต้องมีระบบติดตาม เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตามมา แต่รัฐบาลจะพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top