รัฐบาลเพิ่มเที่ยวบินอพยพคนไทยออกจากเมียนมา หนีโควิด-วิกฤตการเมือง

รัฐบาลไทยได้เพิ่มเที่ยวบินอพยพประชาชนที่ต้องการเดินทางออกจากเมียนมาเป็นวันที่ 12 มี.ค. และ 16 มี.ค. ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และวิกฤตการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นในขณะนี้

ล่าสุด เฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง (Royal Thai Embassy, Yangon) ระบุว่า รัฐบาลไทยได้จัดเตรียมเที่ยวบิน relief flight กลับประเทศในวันที่ 12 มี.ค. และ 16 มี.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางสถานทูตแจ้งการจัดเตรียมเที่ยวบินเพียงวันเดียวในวันที่ 16 มี.ค.

ทั้งนี้ ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับในวันที่ 12 มี.ค. สามารถแจ้งความประสงค์ภายในวันที่ 5 มี.ค. ส่วนผู้ที่ประสงค์จะเดินทางในวันที่ 16 มี.ค. สามารถแจ้งความประสงค์ภายในวันที่ 11 มี.ค. โดยแจ้งผ่านทางโทรศัพท์ (+951) 222 784 และ (+951) 226 728 (วันเวลาทำการ ตั้งแต่ 09.00-11.30 น. และ 13.30-17.00 น.)

ทางด้านรัฐบาลเวียดนามก็ได้ส่งเครื่องบินรับประชาชนกลับประเทศเช่นกัน ขณะที่สิงคโปร์ออกคำเตือนให้ประชาชนรีบเดินทางออกจากเมียนมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ทั้งนี้ ชาวเวียดนามจำนวนเกือบ 400 คนได้เดินทางออกจากเมียนมาในวันนี้โดยเที่ยวบิน 2 เที่ยวซึ่งมีการจัดเตรียมโดยสถานเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำเมียนมา และสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์

ผู้โดยสารดังกล่าวได้รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ที่มีโรคประจำตัว

สถานเอกอัครราชทูตเวียดนามระบุว่า ทางสถานทูตกำลังจับตาสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด และได้ให้ข้อมูลแก่ชาวเวียดนามที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ รวมทั้งได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสนามบินเพื่ออำนวยความสะดวกด้านเอกสารสำหรับประชาชน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลสิงคโปร์ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ชาวสิงคโปร์รีบเดินทางออกจากเมียนมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงจากการชุมนุมประท้วงรัฐบาลทหารของเมียนมาจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

“เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของเมียนมา ซึ่งทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก รัฐบาลสิงคโปร์จึงขอแนะนำให้ชาวสิงคโปร์หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมียนมาในขณะนี้ นอกจากนี้ ชาวสิงคโปร์ที่ขณะนี้อาศัยอยู่ในเมียนมาก็ควรพิจารณารีบเดินทางออกจากประเทศโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ยังสามารถทำได้”

แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ระบุ

แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่มีผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมประท้วงรัฐบาลทหารของเมียนมามากถึง 38 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ.

องค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมประท้วงรวม 50 รายนับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจ ขณะที่แกนนำของการชุมนุมระบุว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตมีมากกว่าจำนวนดังกล่าว

นางคริสติน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำเมียนมา เปิดเผยว่า ตนได้เข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเมียนมา และได้เตือนว่าเมียนมาจะถูกโดดเดี่ยวจากประเทศต่างๆ และจะถูกตอบโต้ต่อการทำรัฐประหารในเดือนก.พ. แต่เมียนมาก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อท่าทีของนานาชาติแต่อย่างใด

นางบูร์เกเนอร์กล่าวว่า ตนได้สนทนากับพล.อ.โซ วิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรองประธานคณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐของเมียนมา เพื่อเตือนเกี่ยวกับผลกระทบที่เมียนมาจะได้รับจากการก่อรัฐประหาร

“คำตอบของเขาคือ ‘เราเคยถูกคว่ำบาตรมาแล้ว และเราก็รอดมาแล้ว’ และเมื่อดิฉันเตือนว่าพวกเขาจะถูกโดดเดี่ยว คำตอบคือ ‘เราต้องเรียนรู้ที่จะเดินร่วมกับเพื่อนเพียงไม่กี่ประเทศ’ “ นางบูร์เกเนอร์กล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลทหารเมียนมาเคยปกครองประเทศมานานเกือบ 50 ปี ก่อนที่จะถ่ายโอนอำนาจให้แก่ฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งนำโดยนางออง ซาน ซูจี เมื่อราว 10 ปีก่อน และได้จัดการเลือกตั้งขึ้นในปี 2558 ซึ่งทำให้พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของนางซูจีชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย

ต่อมา รัฐบาลของนางซูจีได้จัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้พรรค NLD ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ได้ส่งผลให้กองทัพเมียนมาออกมาทำรัฐประหาร โดยอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง และกองทัพจำเป็นต้องยึดอำนาจตามแนวทางของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ทำการตรวจสอบการโกงเลือกตั้งดังกล่าว

การยึดอำนาจของกองทัพเมียนมาในครั้งนี้ ได้สร้างความไม่พอใจต่อประชาชน ซึ่งได้ออกมาต่อต้านการทำรัฐประหาร ส่งผลให้กองทัพทำการปราบปรามการชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 64)

Tags: , , , , , , , , , , , , ,
Back to Top