แนวโน้มหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงลง หลัง Bond yield พุ่ง-ราคาน้ำมันปรับลง

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway Down คล้ายตลาดภูมิภาคที่เช้านี้แกว่งในแดนลบกัน หลัง Bond yield พุ่งขึ้นต่อเนื่องท่ามกลางรอผลประชุม FOMC อีกทั้ง”ไบเดน”ก็จะปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล-หวั่นกระทบกำไรบริษัทในสหรัฐฯส่งผลให้อาจย้ายไปลงทุน Emerging Market ก็เป็นได้ รวมทั้งราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงหลังกังวลหลายประเทศในยุโรประงับใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าหวั่นการเปิดเมืองจะล่าช้า ส่วนบ้านเราก็เผชิญแรงกดดันจากฟุตซี่ปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยมีผลศุกร์นี้-เริ่มเห็นต่างชาติปรับพอร์ตวานนี้จากขายสุทธิกว่า 5 พันล้านบาท พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,553 แนวต้าน 1,573-1,580 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนลบกัน หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond yield)ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดมาอยู่แถว 1.62% แล้ว และยังต้องติดตามผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งต่างก็รอดูมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)จะพูดถึงเงินเฟ้ออย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐมีแผนปรับขึ้นภาษีครั้งใหญ่ โดยจะพิจารณาปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 21% เป็น 28% และปรับขึ้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 4 แสนดอลลาร์ต่อปีขึ้นไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯได้ และอาจทำให้เกิดการโยกเม็ดเงินลงทุนไปสู่ Emerging Market ก็เป็นไปได้เช่นกัน

อีกทั้งราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวลงจากความกังวลเรื่องที่หลายประเทศในยุโรปได้ระงับการใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้การเปิดเมืองอาจล่าช้า และการใช้น้ำมันก็จะหดตัวไปด้วย ส่งผลให้วิตกสต็อกน้ำมันจะมีมากกว่าคาด ซึ่งจะประกาศในเร็ว ๆ นี้ อีกทั้งฟุตซี่ก็ยังปรับน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยซึ่งจะมีผลในวันศุกร์นี้ (19 มี.ค.) โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานก็ถูกปรับลดน้ำหนักลงทุนด้วย ทั้งนี้เริ่มเห็นการปรับพอร์ตจากนักลงทุนต่างชาติแล้ว จากวานนี้ต่างชาติขายสุทธิกว่า 5 พันล้านบาท

พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,553 จุด ส่วนแนวต้าน 1,573-1,580 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,825.95 จุด ลดลง 127.51 จุด (-0.39%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,962.71 จุด ลดลง 6.23 จุด (-0.16%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,471.57 จุด เพิ่มขึ้น 11.86 จุด (+0.09%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 84.26 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 35.44 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 มี.ค.)1,564.03 จุด ลดลง 1.70 จุด (-0.11%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,226.97 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 มี.ค.) ปิดที่ 64.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 มี.ค.) อยู่ที่ 1.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.77 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดรอความชัดเจนนโยบายดอกเบี้ยจากเฟดคืนนี้
  • “อาคม” มั่นใจวัคซีนต้านโควิดดึงความเชื่อมั่น ปลุกเศรษฐกิจไทยเห็นผลชัดเจนไตรมาส 4 ชี้โอกาสเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ขณะที่การส่งออกดีขึ้นปัจจัยสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจไทย “หอการค้าไทย” ชี้ทางรอดประเทศต้องเร่งฉีดวัคซีน แนะรัฐฉีดให้ประชากรจำนวน 70% เผย ผลสำรวจ 600 บริษัท ต้องการหาวัคซีนฉีดให้พนักงาน 7.5 แสนคน
  • นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนการพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-MAP) ว่า จากที่กรมทางหลวง (ทล.) ได้ว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาจัดทำโครงข่ายและคัดเลือกโครงการนำร่องจาก 10 เส้นทาง โดยพบว่ามี 3 เส้นทางที่มีศักยภาพที่จะนำมาศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมและนำมาดำเนินการก่อสร้างก่อน ซึ่งทั้ง 3 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.เส้นทาง MR5 ชุมพร-ระนอง 108 กม. ซึ่งมีทางเลือกในการพัฒนาโครงข่ายจำนวน 3 ทางเลือก โดยการศึกษาจะสอดคล้องกับแนวทางการศึกษาความเหมาะสมโครงการ Land bridge ของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย 2.เส้นทาง MR8 หนองคาย (ด่านหนองคาย)-แหลมฉบังช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง 288 กม. และ 3.เส้นทาง MR9 กาญจนบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์)-อุบลราชธานี (สะพานมิตรภาพแห่งที่ 6) นอกจากนั้นได้สั่งการให้กรมทางหลวงเร่งศึกษา- อีก 7 เส้นทางที่เหลือให้มีความชัดเจน และกลับมาเสนอกระทรวงคมนาคมภายใน 1 เดือน และจะมีการเชิญประชุมเพื่อเสนอแนวคิด การออกแบบ และจัดทำร่างแผน MR-MAP ก่อนจะนำไปนำเสนอการประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชน ในเดือน พ.ค.64 ต่อไป
  • สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยประเมินแนวโน้มธุรกิจปี 64 ฟื้นตัวอย่างช้าๆตามยอดขายรถ คาดสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตได้ 10-20% ขณะที่เอ็นพีแอลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังหมดมาตรการผ่อนคลายจากโควิดฯ รับการแข่งขันสูงขึ้น หลังมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาเพิ่ม พร้อมเร่งจัดทำแผนงานรองรับการบังคับใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล

หุ้นเด่นวันนี้

  • ICHI (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 17 บาท คาดกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 809 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 57%yoy จากยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น Utilization rate เพิ่มขึ้น และยังมี Growth story จากผลิตภัณฑ์กัญชง
  • AH (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ”เป้า 22.40 บาท แนวโน้มผลประกอบการปี 64 กลับมาฟื้นตัวเด่น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยรายได้จากการขายและบริการ +11%YoY อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท ธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนฯ จะเติบโตประมาณ +8%YoY อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท และธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์คาดเติบโต +17%YoY ที่ 6 พันล้านบาท โดยมีสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น 9.5% ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 794 ล้านบาท เติบโต +438%YoY ส่วนแนวโน้มกำไรปกติช่วง H1/64 มีแนวโน้มดีขึ้น YoY จากฐานที่ต่ำของปีก่อน
  • SFT (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 6 บาท Demand การใช้ผลิตภัณฑ์ฟิล์มหดรัดรูปโตตามตลาดเครื่องดื่มและอาหารที่ออกสินค้าใหม่, บริษัทต้องเพิ่มเครื่องจักรผลิตเร็วกว่าแผนเดิม ด้านผู้บริหารประเมินรายได้ปี 2564 โตประมาณ 15-20% ส่วนการใช้เครื่องจักรใหม่ (เครื่องพิมพ์ระบบ Gravure) เริ่ม ณ Q2/64 นอกจากนี้ เตรียมเข้าสู่ช่วง High season ในช่วงไตรมาส 2-3 คาดผู้ผลิตเครื่องดื่มและอาหารเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นบวกต่อรายได้ของ SFT

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มี.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top