PRIME ลงทุนโซลาร์ในไต้หวัน 3 โครงการ 15 MW พร้อมรุก Solar Rooftop เพิ่ม

บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (PRIME) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท เห่ออู่ จำกัด (HW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งในโรงเรียน ประเทศไต้หวัน 3 โครงการ ประมาณการกำลังการผลิตติดตั้งสุทธิรวม 15 เมกกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนรวม 670 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือ 725.476 ล้านบาท

HW จะได้เข้าลงนามในสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) กับ Taiwan Power Company HW จึงจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/65

พร้อมกันนั้น คณะกรรมการยังมีมติอนุมัติให้ บริษัท ไพร์ม โรด กรุ๊ป จำกัด (PRG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นของบริษัท ไพร์ม อัลเทอร์เนทีฟ วิชั่นส์ จำกัด (PAV) และบริษัท ไพร์ม โรด รูฟท็อฟ จำกัด (PRR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่ม โดยซื้อหุ้นใน PAV จำนวน 14,400 หุ้น คิดเป็น 36% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ PAV และ ซื้อหุ้นใน PRR จำนวน 22,999 หุ้น คิดเป็น 46% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ PRR รวมมูลค่า 28.978 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 30 วัน หลังจากได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ

PAV เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา มีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว 4,000,000 บาท หลังทำรายการ PRG ถือหุ้น 90% จากเดิม 54% ส่วน PRR ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว 5,000,000 บาท หลังทำรายการถือหุ้น 100% จากเดิมถือ 54%

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่าย ออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง เข้าประกวดราคาที่เกี่ยวกับระบบพลังงานทางเลือกทุกรูปแบบ มีทุนเริ่มต้น 1,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยบริษัท ไพร์ม เอสโค่ จากัด (ESCO) (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PRIME ถือหุ้น 99.98%) ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจะขยายการลงทุน โดยมุ่งเน้นไปยังธุรกิจที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจหลักและส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์สินทรัพย์หลักของบริษัทในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถต่อยอดธุรกิจปัจจุบันเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันและสร้างโอกาสในการเติบโตของบริษัทในระยะยาว จึงพิจารณาที่จะลงทุนขยายธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ ดังนี้

1) บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้จากการให้ขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้ที่สูงขึ้นและมีกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการลงุทนพัฒนาโครงการอื่นของบริษัทฯ ในอนาคต

2) สร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจระยะยาว และเสริมความแข็งแกร่งในด้านการเงินของกิจการ

3) กระจายความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มี.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top