ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบสถานบันเทิงแพร่เชื้อโควิด ล้อมคอกคุมสถานบันเทิงทุกแห่ง

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้เจ้าของพื้นที่ตรวจสอบกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คาดว่าอาจมีสาเหตุมาจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เพื่อหาพยานหลักฐาน และรายงานผลให้ทราบโดยเร่งด่วนแล้ว

หากพบการกระทำผิดหรือมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามระเบียบกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยที่มีสถานบันเทิง สถานบริการต่างๆ ในพื้นที่ ลงไปกำกับ ควบคุม ดูแล อย่างใกล้ชิด รวมถึงบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมิให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก

สำหรับการตรวจคัดกรองเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 แล้วจำนวน 63 นาย ประกอบดวย สังกัด บช.น.จำนวน 31 นาย, ภ.1 จำนวน 3 นาย, ภ.2 จำนวน 2 นาย, ภ.5 จำนวน 8 นาย, ภ.7 จำนวน 2 นาย, บช.ก.จำนวน 2 นาย, สตม.จำนวน 7 นาย, รพ.ตร. จำนวน 1 นาย, บช.ปส. จำนวน 1 นาย, บช.ส. จำนวน 1 นาย, บช.สทส. จำนวน 1 นาย, สง.ก.ตร. จำนวน 1 นาย, วน. จำนวน 1 นาย, บข.สอท. จำนวน 1 นาย และ สพฐ.ตร. จำนวน 1 นาย

ส่วนผู้สัมผัส ผู้ใกล้ชิด ได้มีการตรวจหาเชื้อ และกักตัวตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดแล้วเช่นเดียวกัน และเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อนี้ ผบ.ตร.กำชับให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสถานีตำรวจ และหน่วยงานบริการประชาชน รวมทั้งให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวแก่ประชาชนด้วย

ขณะที่หน่วยงานที่มีที่ตั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปรับกำลังครึ่งหนึ่งปฏิบัติงานที่บ้าน (work from home) โดยยึดหลักลดคนแต่ไม่ลดงานและประสิทธิภาพของงาน ส่วนหน่วยงานบริการประชาชนให้ปรับกำลังตามความเหมาะสม โดยยีดประโยชน์ของประขาชนเป็นสำคัญในลำดับแรก

โฆษก ตร. กล่าวว่า มาตรการการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว เป็นสิ่งที่ ผบ.ตร.กำชับให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม และประชาชนสามารถร่วมปฏิบัติกับทางตำรวจได้ โดยสามารถแจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย หรือขอความช่วยเหลือ ไปที่หมายเลข 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องถึง 6 วัน มีการจัดงานตามประเพณี เป็นโอกาสที่ประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ผบ.ตร.มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของประชาชน ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ระดมกำลังตำรวจ ปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและอำนวยความสะดวก ดูแลเส้นทางการจราจรในเส้นทางหลัก ให้มีความคล่องตัว ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด- 9 เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชนในการระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรม โดยย้ำให้มีการบังคับใช้กฎหมายจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบ่อนการพนัน ยาเสพติด การลักลอบเข้าเมือง และสถานบันเทิง สถานบริการต่างๆ ที่ปิดเกินกฎหมายกำหนด หรือปล่อยให้มีการมั่วสุมก่อความเดือดร้อน รำคาญ โดยกำหนดห้วงเวลาปฏิบัติ ก่อนเทศกาลฯ ระหว่างวันที่ 7-11 เม.ย.64

ส่วนในห้วงเทศกาลฯ เน้นการจัดชุดสายตรวจร่วม ชุดเคลื่อนที่เร็ว ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนได้ฉลองตามประเพณี ภายใต้มาตรการทางสาธารณสุข เน้นการตรวจตราการจัดกิจกรรมสงกรานต์ให้เป็นไปตามที่รัฐบาล (ศบค.) กำหนด เช่น งดรวมกลุ่มหมู่มาก งดประแป้ง สาดน้ำ และจัดการแสดงต่างๆ เป็นต้น

นอกจากนี้ ขณะที่ประชาชนเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ไม่ได้อยู่บ้านหรือที่พักเป็นเวลาหลายวัน เพื่อเป็นการสร้างความสบายใจและลดความกังวลให้กับประชาชน ผบ.ตร.ได้สั่งการสถานีตำรวจทั่วประเทศ ดำเนินการโครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชน (ฝากบ้าน 4.0) ระหว่างวันที่ 9-18 เม.ย.64 เพื่อเสริมการปฏิบัติในการป้องกันอาชญากรรม ประชาชนสามารถขอใช้บริการได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่ง หรือดาวน์โหลด App.OBS I SERVICE ฟรีผ่านทางมือถือได้ทั้งระบน Android และ IOS เพื่อขอฝากบ้านกับตำรวจไต้ตลอด 24 ขม. ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้

ด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร ได้สั่งการเน้นย้ำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และขอความร่วมมือจากประชาชนให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร และข้อกำหนดต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ครอบครัว และส่วนรวม กวดขันการกระทำผิดใน 10 ข้อหาหลัก โดยเน้นข้อหาเมาแล้วขับ ขับรถใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด และขับรถย้อนศร ซึ่งเป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตบนท้องถนน

ทั้งนี้ ให้มีการตั้งจุดตรวจร่วมและบูรณาการกับหน่วยงานทุกภาคส่วนในการปฏิบัติ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติในจุดตรวจร่วมและจุดบริการประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่ทางสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รักษาระยะห่าง ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์หรือสบู่ เมื่อมีการสัมผัสตัวคนหรือสิ่งของ สำหรับจุดตรวจวัดแอลกอออล์ เจ้าหน้าที่ต้องสวมถุงมือในขณะปฏิบัติงาน และเปลี่ยนหลอดเป่าทุกครั้ง ให้การปฏิบัติอยู่ในสายตาประชาชน เพื่อความโปร่งใส ป้องกันการถูกร้องเรียน หรือสร้างความเข้าใจผิดในขณะปฏิบัติหน้าที่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top