ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดย Ernst & Young Global ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของพนักงานในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีแนวโน้มจะลาออกจากงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน หากไม่ได้รับความยืดหยุ่นในการทำงานที่เพียงพอในยุคหลังโควิด-19
พนักงานที่ตอบแบบสำรวจของ Ernst & Young Global Ltd. ประมาณ 47% ระบุว่า พวกเขายินดีลาออกจากงานมากกว่าจะกลับไปทำงานที่มีตารางงานที่เข้มงวด และเมื่อพิจารณาถึงตัวเลือกระหว่างความยืดหยุ่นของสถานที่ทำงานและเวลาการทำงานแล้ว ผู้ตอบแบบสำรวจ 52% เลือกความยืดหยุ่นของเวลาการทำงาน ขณะที่ 40% ต้องการความยืดหยุ่นของสถานที่ทำงาน
ผลสำรวจระบุว่า 55% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ควรจะเป็นข้อบังคับเพื่อให้แรงงานทุกคนกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัย โดยมีผู้ไม่เห็นด้วย 23%
แมต เลิฟกรูฟ หุ้นส่วนของ Ernst & Young Global กล่าวว่า “การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แสดงให้เห็นว่าการจัดการการทำงานที่ยืดหยุ่นไม่ใช่เพียงเรื่องที่เป็นไปได้ แต่เป็นเรื่องที่พนักงานต้องการ ด้วยมุมมองต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่เป็นบวกมากขึ้น และการที่ธุรกิจแบบเดิมไม่สามารถเข้าถึงแรงงานต่างชาติที่มีทักษะได้ ทำให้พนักงานมีแนวโน้มจะโหวตเพื่อปรับรูปแบบการทำงานที่เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น”
ในเวลาเดียวกัน ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า พนักงานในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 70% เชื่อว่าการทำงานทางไกลอย่างเต็มรูปแบบนั้น จะส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำงานของตน
เศรษฐกิจของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เร็ว และยังสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลังครั้งใหญ่ ขณะที่ตลาดแรงงานของทั้ง 2 ประเทศพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอัตราว่างงานของออสเตรเลียลดลงเกือบ 2% ขณะที่อัตราว่างงานของนิวซีแลนด์ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.7% ในช่วงไตรมาสแรกของปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 64)
Tags: Ernst & Young Global, ความยืดหยุ่น, นิวซีแลนด์, ผลสำรวจ, พนักงาน, ลาออก, ออสเตรเลีย, แรงงาน, แรงงานต่างชาติ, โควิด-19