หุ้นไทยปิดพุ่ง 22.69 จุด กลุ่ม Global plays ฟื้นแรงขานรับปัจจัยใน-ตปท.เกื้อหนุน

  • ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,571.91 จุด เพิ่มขึ้น 22.69 จุด (+1.46%) มูลค่าการซื้อขาย 91,321.21 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,575.37 จุด และระดับต่ำสุด 1,551.42 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 986 หลักทรัพย์ ลดลง 647 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 418 หลักทรัพย์

นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด จากหลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งคลายกังวลสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศที่ดีขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี ทั้งยุโรปและสหรัฐฯ รวมถึงไทยได้รับคซีนโควิดเข้ามาเพิ่ม และยังเปิดทางให้ภาคเอกชนร่วมจัดหาวัคซีนด้วย ส่งผลให้เกิดความคาดหวังการเดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้น ด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้ส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Global plays ฟื้นตัวแรง

ส่วนบ้านเราก็มีแรงซื้อกลับมาหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งจะใช้เม็ดเงิน 2.3 แสนล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ด้านสัญญาณทางเทคนิคหลังจากที่ดัชนีฯปรับตัวลงมาแล้วยืนได้เหนือ 1,550 จุด ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาด้วย

สำหรับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก มีเพียงตลาดหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ติดลบ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในยุโรปเคลื่อนไหวในแดนบวกขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีขึ้น และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในยุโรปก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และความคืบหน้าวัคซีนที่จะนำมาใช้ในไทย รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งงบที่ออกมาแล้ว โดยเฉพาะงบฯของหุ้นบิ๊กแคปต่างออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ช่วงปลายเดือน พ.ค.นักวิเคราะห์ฯอาจจะปรับเพิ่มประมาณการก็จะช่วยหนุนตลาดได้อีกครั้ง

“หุ้นที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศยังมีความกังวลกันอยู่ ถ้ามีวัคซีนโควิด-19 เข้ามาจริงก็น่าจะทำให้หุ้น Domestic plays ฟื้นได้”

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) นายสุโชติ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้แต่อาจน้อยกว่าวันนี้ เชื่อว่าจะไม่มีข่าวลบเข้ามาเพิ่ม พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,590 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

  • DELTA มูลค่าการซื้อขาย 4,627.26 ล้านบาท ปิดที่ 367.00 บาท เพิ่มขึ้น 52.00 บาท
  • STA มูลค่าการซื้อขาย 4,324.64 ล้านบาท ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 2.25 บาท
  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,561.91 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
  • SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,368.25 ล้านบาท ปิดที่ 474.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
  • BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,186.44 ล้านบาท ปิดที่ 12.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top