หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มปรับขึ้นตามต่างประเทศขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรป

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ยุโรป แม้ BoE ลด QE ลงบ้างเป็นสัญญาณเตือนว่าหลายประเทศคงทำเหมือนกัน ยกเว้นเฟด คาดหนุนหุ้นไปต่อได้ ส่วนบ้านเราเห็นต่างชาติกลับมาซื้อบ้าง-เลื่อนเกณฑ์ใหม่ฟรีโฟลตหนุนเก็งกำไรและอาจเก็งงบฯด้วย ท่ามกลางสถานการณ์โควิดยังถ่วง ให้แนวรับ 1,560-1,565 แนวต้าน 1,580 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับขึ้นเช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจอออกมาดีทั้งสหรัฐและยุโรป แม้มีข่าวประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บางคนออกมาเตือนเรื่องตลาดหุ้น และผลประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) วานนี้ปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ลงสู่ระดับ 3.4 พันล้านปอนด์/สัปดาห์ระหว่างเดือน พ.ค.-ส.ค.จากปัจจุบัน 4.4 พันล้านปอนด์/สัปดาห์ เป็นสัญญาณว่าหลายประเทศคงดำเนินการในทิศทางเดียวกัน แต่มองว่าตราบใดที่เฟดยังไม่ปรับลด QE ตลาดหุ้นก็ยังน่าจะไปต่อได้

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราคงจะได้รับผลดีจากตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นขาขึ้น และนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อบ้างแล้ว รวมถึงการเลื่อนใช้เกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่ก็ช่วยหนุนให้สามารถเล่นเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์ โดยเฉพาะหุ้นร้อนแรงอย่าง DELTA และอาจมีหุ้นตัวอื่น ๆ ตามมา อีกทั้งคาดว่าจะมีการเล่นเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนด้วย

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่ยังไม่ดีขึ้นถ่วงตลาดอยู่ เป็นผลให้หลายสำนักวิจัยอาจทยอยปรับลดประมาณการ GDP ไทยลง และยังต้องติดตามภาครัฐฯจะมีมาตรการคุมเข้มออกมาเพิ่มอีกหรือไม่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีออกมาแล้ว

พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด

ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า บรรยากาศการลงทุนในประเทศยังคงเป็นบวก หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาค่อนข้างดี โดยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 92,000 ราย สู่ระดับ 498,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือน มี.ค.63 และผลประกอบการไตรมาส 1/64 ของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกที่ทยอยออกมามีทิศทางค่อนข้างดี

ขณะเดียวกันนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลระยะสั้นเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของทางสหรัฐฯ ขณะที่เฟดจะมีการประชุมรอบใหม่ในวันที่ 13 มิ.ย.ตลาดยังคงจับตาว่าจะส่งสัญญาณการเริ่มลดระดับ QE เมื่อใด หลังจากนั้นคงจะเข้าสู่ประเด็นเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

วันนี้หุ้น IPO บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) เข้าเทรดในตลาดวันแรก มองความน่าสนใจปานกลาง และแนะนำให้ถือ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 17.40 บาท เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เหลือสัมปทาน 13 ปี ถือว่าไม่ยาว ขณะเดียวกันอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้รถยนต์ในอนาคต มองว่ามีความท้าทายเนื่องจากมีทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีแดงที่วิ่งคู่ถนนวิภาวดี ดังนั้นปริมาณการใช้รถยนต์อาจลดลงได้ ขณะเดียวกันวิธีการปรับค่าสัมปทานปรับตามปริมาณรถยนต์ที่ใช้ทางด่วน หากเติบโตได้ช้าอาจเจอปัญหาในปีหลังๆ ที่ค่าสัมปทานอาจสูงขึ้นได้

พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด และแนวต้าน 1,580 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,548.53 จุด เพิ่มขึ้น 318.19 จุด (+0.93%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,201.62 จุด เพิ่มขึ้น 34.03 จุด (+0.82%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,632.84 จุด เพิ่มขึ้น 50.42 จุด (+0.37%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.13 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 0.92 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 83.67 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 พ.ค.) 1,571.91 จุด เพิ่มขึ้น 22.69 จุด (+1.46%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,148.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พ.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 พ.ค.) ปิด 64.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 พ.ค.) อยู่ที่ 2.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.19 แข็งค่าจากวานี้ตามภูมิภาค หลังตัวเลขศก.สหรัฐฯกดดอลลาร์อ่อน
  • คลังพร้อมเดินหน้ามาตรการเยียวยาผลกระทบ โควิดระลอกใหม่ เติมเงิน “เราชนะ-ม33เรารักกัน” ได้ทันที หลังเสนอ รายละเอียดเข้า ครม.สัปดาห์หน้า พร้อมเตรียมเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ คนละครึ่งเฟส 3 เพิ่ม 16 ล้านคน ส่วนรายเดิม 15 ล้านคน รอยืนยันสิทธิ์ และเปิดรับลงทะเบียน “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เร็วๆ นี้
  • อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้จัดให้มีการประชุมหารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น โดยมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการก่อสร้างรายย่อยด้วยการจัดให้มีการเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ เป็นตัวแทนผู้ใช้ กับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนฝั่งผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็ก เพื่อจะได้ประสานเชื่อมโยงการซื้อขายโดยตรง ลดการผ่านคนกลาง และจะทำให้ต้นทุนลดลง
  • สรท.ปรับคาดการณ์ส่งออกปีนี้โต 6-7% หลังพบเศรษฐกิจโลกฟื้น จากเดิมคาดโต 3-4% ฟุ้งเดือน มี.ค.ทำสถิติสูงสุด ด้านพาณิชย์สั่งเร่งปิดดีล FTA คงค้างกับตุรกี ปากีสถาน และศรีลังกา หนุนเอสเอ็มอีไทยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ บุกตลาดต่างประเทศ
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน เม.ย.64 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการ โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมอยู่ที่ 46.0 ลดลงจากเดือน มี.ค.64 ซึ่งอยู่ที่ 48.5 ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 7 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือน ต.ค.41
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ไทยยังต้องเจอกับความท้าทายจากเงินลงทุนต่างชาติในอุตสาหกรรมหลักจากฐานการผลิตในภูมิภาคต่างๆ เพิ่มขึ้นทั่วโลก คาดในปี 64-66 ไทยจะได้รับเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าเพิ่มขึ้น 1,100-1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 33,000-42,000 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นเพียง 0.7-0.8% เทียบกับเงินลงทุนไหลเข้า 3 ปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มลดลงในอนาคต ดังนั้นไทยควรใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือนวัตกรรมในการดึงดูด เพื่อความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศไทย
หุ้นเด่นวันนี้
  • DMT (บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ราคาเสนอขาย 16 บาท/หุ้น ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ”ซื้อ”ให้ราคาเป้าหมาย 20 บาท บริษัทฯเป็นผู้รับสัมปทานทางยกระดับดอนเมือง เหลืออายุสัมปทาน 13 ปี 6 เดือน การเติบโตแปรผันตรงตามความต้องการใช้ทางด่วนที่เพิ่มขึ้นจากโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ทั่วถึงและการจราจรติดขัด นอกจากนี้ แผนการสร้างทางด่วนในอนาคตของภาครัฐเป็นโอกาสให้บริษัทลงทุนทางด่วนเพิ่มเติม โดยประเมินกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้า +26% CAGR
  • ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” เป้า 6.40 บาท (รวม ITEL-W2 จะ Dilute เหลือ 5.10 บาท) คาดกำไร Q1/64 +26% Q-Q, +12% Y-Y ส่วนปี 64-66 คาดเติบโตเฉลี่ย +26% CAGR จากทั้งธุรกิจหลักที่โตต่อเนื่องและแรงหนุนจากธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve โดยเฉพาะ Drone และ Anti-Drone รวมถึง Social Data ด้านฐานะการเงินแข็งแกร่งรับการเติบโต 3 ปีข้างหน้า โดย Net IBD/E จะลดลงเหลือ 1.9 เท่าในปี 2023 และการรวมการแปลงสภาพของ ITEL-W2 และ W3 จะยิ่งทำให้ฐานทุนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
  • PTTGC (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 80 บาท คาดงบ Q1/64 พลิกมีกำไรสุทธิประมาณ 9.9 พันล้านบาท เทียบกับ Q1/63 ขาดทุนสุทธิ 8.8 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้น 54%qoq หนุนโดยราคาและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปิโตรฯเพิ่มขึ้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top