นายกฯ เผยสั่งจองวัคซีนไฟเซอร์-จอห์นสัน 25 ล้านโดสพร้อมซื้อเพิ่มซิโนแวก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดงว่า รัฐบาลจะทยอยส่งวัคซีนให้ทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง ณ วันนี้มีสถานที่ให้บริการมากกว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการฉีดวัคซีนบางส่วนแล้ว 4 ล้านคน คาดว่าเดือน มิ.ย.นี้จะสามารถฉีดเพิ่มขึ้นอีกตามจำนวนวัคซีนที่มีเข้ามา

อย่างไรก็ตาม หากในพื้นที่ใดที่มีคลัสเตอร์ใหม่ๆ ที่พบผู้ติดเชื้อโควิดเกิดขึ้น รัฐบาลก็มีการเตรียมวัคซีนรองรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว ขณะนี้มีทั้งวัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า ที่กำลังทยอยเข้ามาซึ่งเป็นไปตามแผนและห้วงเวลาที่กำหนด รวมทั้งวันนี้ได้ลงนามสัญญาสั่งจองวัคซีนจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสันและไฟเซอร์ที่คาดว่าจะมาอีกประมาณ 25 ล้านโดส รวมทั้งวัคซีนซิโนแวกอีก 8 ล้านโดส เพื่อให้ครบ 100 ล้านโดสตามที่กำหนด

“ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จนถึงปัจจุบันฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 4.2 ล้านโดส และในเดือนมิถุนายนนี้จะทยอยฉีดวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าที่เข้าให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีการจัดหาวัคซีนสำรองรองรับตามสถานการณ์ความจำเป็นด้วย”

นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับการลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนนั้น สามารถผ่านหลายช่องทางทั้งระบบหมอพร้อม แอปพลิเคชันอื่นๆ รวมถึงผ่านระบบประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยรัฐบาลจะบริหารจัดการวัคซีนที่มีอยู่ในแต่ละเดือน รวมทั้งที่ทยอยเข้ามาให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มอย่างเหมาะสมรวมถึงประชากรแฝงที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ และจังหวัดที่มีกลุ่มเป้าหมายพิเศษ เช่น พื้นที่ท่องเที่ยว กลุ่มแรงงาน และกลุ่มต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หรือชายแดนด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงงานผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม โดยจะปรับปริมาณวัคซีนและการฉีดให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเหมาะสมกับจำนวนความต้องการของประชาชน ภายใต้การกำกับและให้คำแนะนำของคณะกรรมการวัคซีนจังหวัดและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

นายกรัฐมนตรี ขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละ ตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประชาชนปลอดภัย และขอบคุณประชาชนที่สมัครใจมาฉีดวัคซีนกันมากขึ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ขออย่าประมาท ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยัน นับจากวันที่ 7 มิ.ย.นี้ จะมีการฉีดวัคซีนปูพรมพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยจะปรับปริมาณวัคซีนให้สอดคล้องกับสถานการณ์แต่ละพื้นที่ และครอบคลุมบุคลากรทุกกลุ่ม รวมถึงบุคลากรครู ผู้ประกันตนมาตรา 33 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง

ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ในการที่จะทำให้ทุกคนได้เข้าถึงวัคซีน และจะเพิ่มเติมให้มากที่สุดทั้งปีนี้และปีหน้า เพียงทุกคนรวมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และรับฟังข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์มีภูมิต้านทานก่อนที่จะนำไปโพสต์หรือเผยแพร่ต่อ เชื่อมั่นหากทุกคนร่วมมือกันทั้งภาครัฐเอกชนและประชาชนจะทำให้ประเทศฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รวมทั้งร่วมมือกันให้การแพร่ระบาด Covid-19 ลดลงให้ได้ ขณะที่รัฐบาลพร้อมจะดูแลเพิ่มเติมให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้กำลังประชุมหารือกันเพื่อหาแนวทางในการดูแลประชาชนทุกกลุ่มให้มีรายได้และอาชีพ สามารถดำรงชีพอยู่ได้ให้มากที่สุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , , , , , , , , , , ,
Back to Top