ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 54.5 ล้านหุ้น เข้า mai ใช้ลงทุน-คืนหนี้

บมจ.ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ (TRV) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนประมาณ 54.56 ล้านหุ้น คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยางขึ้นรูป สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่นๆ มีกลุ่มลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องจักร, ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บริษัทมีแผนซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในปี 65-66 ประกอบด้วย เครื่องรีดขึ้นรูป (Injection) เริ่มใช้ผลิตในปี 65, เครื่องอัดขึ้นรูป (Compression) เริ่มใช้ผลิตในปี 66 , เครื่องอัดรีดขึ้นรูป (Extrusion) เริ่มใช้ผลิตในปี 66 และเครื่องฉีด TPE เริ่มใช้ผลิตในปี 66

ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 105,000,000 บาท เป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว 77,717,500 บาท (ก่อนเสนอขาย IPO) และทุนที่ออกและชำระแล้ว 105,000,000 บาท (หลังเสนอขาย IPO) มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 13 ม.ค.64 คือ บริษัท ที อาร์ ดับเบิ้ลยู โฮลดิ้ง จำกัด และกลุ่มครอบครัวนวมงคลชัยกิจ ถือหุ้นรวมกัน 130,800,000 หุ้น คิดเป็น 84.15% ภายหลังเสอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 62.29% กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน 2 ถือหุ้น 24,635,000 หุ้น คิดเป็น 15.85% จะลดสัดส่วนเหลือ 11.73%

ผลประกอบการในปี 61-63 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 146.4 ล้านบาท 168.6 ล้านบาท และ 159.6 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 1.8%, 15.1% และลดลง 5.3% ตามลำดับ กำไรสุทธิเท่ากับ 23.6 ล้านบาท 25.3 ล้านบาท และ 21.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16.2%, 14.0% และ 13.3% ตามลำดับ สาเหตุหลักที่ทำกำไรสุทธิปี 63 ลดลงเนื่องจากบริษัทรับพนักงานขายเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจและแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

สำหรับงวดไตรมาส 1/64 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 48.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 45.3 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 17.8% เพิ่มขึ้นจาก 6.2 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการลดลงของต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทฯ หลังหักภาษีและเงินทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด เงินสำรองอื่น (ถ้ามี) และภาระผูกพันตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top