ตลท.ประกาศกลยุทธ์ปี 65-67 เชื่อมโยงตลาดทุน-พัฒนานวัตกรรม-ส่งเสริมยั่งยืน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า กลุ่ม ตลท.ยึดมั่นวิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” มุ่งพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน พร้อมปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยแผนกลยุทธ์ 3 ปี (65-67) จะขยายสู่การเชื่อมโยงการลงทุนโลกปัจจุบันควบคู่ไปกับโลกอนาคต ให้เป็นแหล่งรวมการลงทุนของประเทศ พร้อมส่งเสริมทักษะทางการเงินของคนไทยเพื่อคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนของประเทศ ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่

1) เชื่อมโยงโอกาสทุกภาคส่วน ด้วยการส่งเสริมการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นจดทะเบียนใหม่แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) ของบริษัทที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง และการจดทะเบียนของบริษัทจากต่างประเทศ มุ่งพัฒนาแหล่งระดมทุนสำหรับธุรกิจเพื่อสังคม เอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ด้วยการต่อยอดจาก LiVE Platform ไปสู่ LiVE Exchange โดยคาดว่าจะเปิดซื้อขายภายในไตรมาส 1/65

พร้อมยกระดับคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนโดยการบ่มเพาะให้เป็น ESG Investment Stars สนับสนุนให้บริษัทขนาดกลางและเล็ก นำแนวคิดด้าน ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มจำนวนบริษัทที่อยู่ในดัชนีความยั่งยืนระดับโลก ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรในตลาดทุน เพิ่มการเข้าถึงการลงทุนที่ง่ายขึ้นด้วยกระบวนการเปิดบัญชีที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมผู้ลงทุนบุคคลใช้เทคโนโลยีช่วยในการซื้อขาย ตอบโจทย์ผู้ลงทุนรุ่นใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำน้อย รวมทั้งเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ อาทิ ETF DR DW และ Fractional Product ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ซื้อขายได้ต้นไตรมาส 3/65

2) พัฒนานวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกคนไว้วางใจ โดยการขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อสอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ ยกระดับการบริหารจัดการผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุนแบบครบวงจรผ่านรูปแบบดิจิทัล พร้อมพัฒนา ESG Data Platform เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลสำหรับการลงทุนในหุ้นยั่งยืน รวมถึงเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่เพื่อเชื่อมต่อการซื้อขายจากสินทรัพย์ในปัจจุบันไปสู่สินทรัพย์ดิจิทัล โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDX) ภายในไตรมาส 3/65

3) ส่งเสริมความยั่งยืนด้านการเงินเพื่อคนไทย ผ่านการส่งเสริมและการศึกษาด้าน ESG โดยการเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG ผ่านการร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รวมทั้งองค์กรต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่หลักสูตรที่เป็นมาตรฐานด้าน ESG ส่งเสริมทักษะทางการเงินให้เป็นส่วนหนึ่งในทักษะชีวิตของคนไทยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ อาทิ โครงการ Happy Money เพิ่มจำนวนพันธมิตรในการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศผ่านโครงการ Climate Care Platforms รวมถึงเพิ่มศักยภาพธุรกิจเพื่อสังคม และสนับสนุนธรรมาภิบาลด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของตลาดทุนไทย

“เพื่อให้การพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตมีความยืดหยุ่น สนับสนุนการแข่งขันในโลกการลงทุนยุคดิจิทัล ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างคล่องตัว และเปิดโอกาสให้มีการทำงานร่วมกับพันธมิตรได้อย่างเต็มที่ เชื่อว่าจะสามารถสร้างโลกการลงทุนปัจจุบันควบคู่ไปกับโลกอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ ตอบโจทย์ทั้งผู้ออกหลักทรัพย์ ผู้ลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน พร้อมเดินหน้าดูแลคนไทยผ่านความเปลี่ยนแปลงและเติบโตไปพร้อมกัน”

นายภากร กล่าว

สำหรับพัฒนาการสำคัญและความสำเร็จปี 2564

สร้างการเติบโตให้กับตลาดทุน

  • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของหลักทรัพย์ IPO ที่ 4.54 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 7 ในเอเชีย และอันดับ 18 ของโลก
  • สภาพคล่องสูงสุดในอาเซียน ตั้งแต่ปี 2555 โดยปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 9.39 หมื่นล้านบาท
  • จำนวนบัญชีหุ้นเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบัญชี หรือเพิ่มขึ้น 40% จากสิ้นปีก่อนหน้า ปัจจุบันมีบัญชีซื้อขายหุ้นกว่า 5 ล้านบัญชี
  • มีเกณฑ์รองรับ IPO สำหรับ New Economy ตอบโจทย์การระดมทุนของรัฐในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายรัฐ
  • ได้รางวัล “ตลาดหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2564” (Best Stock Exchange Southeast Asia 2021) จากGlobal Banking and Finance Review และรางวัล “ESQR’s Quality Achievements Award 2021” จากสถาบัน European Society for Quality Research (ESQR) สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นที่ยอมรับในระดับสากลในฐานะตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย

ส่งเสริมความคล่องตัวให้กับภาคธุรกิจ

  • พัฒนาระบบซื้อขาย LiVE Exchange เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนของเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ
  • เชื่อมโยงสินค้าและบริการในตลาดโลก เช่น DR Linkage ไทย-สิงคโปร์, DW on DJSI, NASDAQ-100 Index และ Hang Seng Tech Index และอ้างอิงหุ้นในตลาดฮ่องกง
  • พัฒนาบริการ Streaming Fund+ ซื้อขายกองทุนรวมและสร้างแผนการลงทุน
  • FundConnext มีธุรกรรมซื้อขายกองทุนรวมมากกว่า 33,000 รายการต่อวัน เพิ่มขึ้นกว่า 1.6 เท่า จากปี 2563
  • พัฒนาบริการ Digital Access Platform (DAP) โดยเป็น “NDID Proxy” ของตลาดทุน พร้อมเดินหน้าเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับหน่วยงานทางการ

สนับสนุนความยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสีย

  • 24 บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สูงสุดในอาเซียนเป็นปีที่ 8 และ 11 บริษัทไทย ติดอันดับ Gold class ของ S&P Global สูงสุดของโลก
  • ขยายพันธมิตรพัฒนาหลักสูตรผู้ประกอบการ เช่น NIA ปัญญาภิวัฒน์ และ Expara Thailand
  • สร้างการเรียนรู้ทางการเงินสำหรับคนไทยผ่านโครงการ Happy Money, AOM YOUNG และ INVESTORY Mobile Exhibition on Schools
  • เดินหน้าลดโลกร้อน Climate Care Platforms โดยมีบริษัทเข้าร่วมมากกว่า 300 บริษัท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาคารให้เป็นศูนย์ (carbon neutral)
  • ออกมาตรการลดผลกระทบจาก COVID-19 ให้กับผู้มีส่วนได้เสีย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top