หุ้นไทยปิดบวก 3.36 จุดตามภูมิภาค Bond Yield ชะลอ-จีนลดดอกเบี้ย-ศบค.คลายมาตรการ

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,661.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด (+0.20 %) มูลค่าการซื้อขายราว 44,846 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาคหลัง Bond Yield ชะลอตัว และบงก์ชาติจีนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดดอกเบี้ยเงินกู้ ส่งผลตลาดหุ้นเอเชียฟื้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ศบค.ชุดใหญ่ผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมพร้อมฟื้น Test&Go หนุนกลุ่มเปิดเมือง รวมทั้งกลุ่มสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นมาด้วย แนวโน้มช่วงบ่ายคาดตลาดยังทรงตัว ระมัดระวังลงทุนช่วงรอผลประชุมเฟด ให้กรอบการแกว่งตัว 1,640-1,680 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,661.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด (+0.20 %) มูลค่าการซื้อขายราว 44,846 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยทำระดับสูงสุด 1,666.60 จุด และระดับต่ำสุด 1,660.26 จุด

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นมาตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยตลาดหุ้นเอเชียฟื้นมายืนบวกหลังผลตอบแทนพันธบิตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ชะลอการปรับขึ้น รวมทั้งจีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ทั้งประเภท 1 ปีและ 5 ปี เพื่ออัดฉีดเงินเข้าระบบ ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียผ่อนคลายและปรับตัวดีขึ้น

ส่วนในประเทศมีแรงเก็งกำไรเป็นรายตัว และกลุ่มเปิดเมือง อาทิ กลุ่มแบงก์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ว่าจะได้รับประโยชน์จากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ชุดใหญ่จะมีการพิจารณาข้อเสนอฝ่ายสาธารณสุขให้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ และฟื้นการอนุญาตเดินทางเข้าประเทศในรูปแบบของ Test&Go ทำให้บรรยากาศการลงทุนเป็นบวก

นอกจากนั้น ยังมีแรงเก็งกำไรกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น กลุ่มปาล์มน้ำมันที่ตามราคาปาล์มสูงขึ้นและคาดจ่ายเงินปันผลดี และกลุ่มน้ำตาลที่ปีนี้ผลผลิตอ้อยมีมากขึ้นและราคาก็ดีขึ้นด้วย

แนวโน้มช่วงบ่าย นายกิจพล คาดว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังทรงตัวยืนเหนือบริเวณ 1,660 จุดบวก/ลบ 5 จุด เนื่องจากตลาดยังมีความระมัดระวังการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

ฉะนั้น ช่วงก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค.คาดตลาดก็ยังแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,640 จุด แนวต้าน 1,680 จุด หากหลุด 1,640 จุด ควรลดน้ำหนักการลงทุน แต่หากยืนเหนือ 1,680 จุดก็มีกรอบขึ้นไปสู่ 1,740 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

  • AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,318.78 ล้านบาท ปิดที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
  • TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,785.33 ล้านบาท ปิดที่ 4.80 บาท ลดลง 0.08 บาท
  • IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,440.75 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,371.93 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
  • GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,050.66 ล้านบาท ปิดที่ 50.50 บาท ลดลง 0.25 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ม.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top