หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้น มองผลกระทบสถานการณ์ยูเครนจำกัด,น้ำมันพุ่งหนุน

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากทิศทางเงินทุนไหลเข้าหลังนักลงทุนต่างชาติมองผลกระทบยูเครนรัสเซียน้อย และน้ำมันดีดตัวขึ้นเกือบ 5% พร้อมให้แนวรับที่ 1,670-1,675 จุด และแนวต้าน 1,690-1,700 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้ามีโอกาสปรับตัวขึ้นโดยได้รับปัจจัยหนุนจากทิศทางเงินทุนต่างชาติไหลเข้า โดยนักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนค่อนข้างจำกัด ในขณะเดียวกันได้รับปัจจัยกนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นเกือบ 5%

แต่อย่างไรก็ตามให้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรออกมาในช่วงระหว่างวันได้

พร้อมให้แนวรับที่ 1,670-1,675 จุด และแนวต้าน 1,690-1,700 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (28 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,892.60 จุด ลดลง 166.15 จุด หรือ -0.49%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,373.94 จุด ลดลง 10.71 จุด หรือ -0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,751.40 จุด เพิ่มขึ้น 56.78 จุด หรือ +0.41%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดเพิ่มขึ้น 309.92 จุด หรือ +1.17%, ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.05 จุด หรือ +0.26% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 26.82 จุด หรือ +0.12%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ก.พ.) ที่ระดับ 1,685.18 จุด เพิ่มขึ้น 5.28 จุด, +0.31%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,977.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ก.พ.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ก.พ.) พุ่งขึ้น 4.13 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 95.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2557 และตลอดเดือนก.พ. สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 8.6%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ก.พ.) อยู่ที่ 7.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.63/65 แนวโน้มผันผวนตามสถานการณ์ยูเครน-จับตาท่าทีดอกเบี้ยเฟด

– “นายกฯ” หวั่นศึก “ยูเครน-รัสเซีย” บานปลายกระทบเศรษฐกิจ-พลังงาน สั่งเตรียมรับมือ “ดอน” จ่อแถลงท่าทีในนาม “ไทย-อาเซียน” ตั้งวอร์รูม จับตาใกล้ชิด “คลัง-สรท.หารือแบงก์ชาติ รับมือ “สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย” เผยผู้ประกอบการไทย จ่อเปิดแอล/ซี ส่งสินค้าไปรัสเซียผ่านประเทศที่ 3 “แบงก์ชาติ” ชี้สงครามกระทบไทย 3 ด้าน “การค้าลงทุน ตลาดเงินป่วน เงินเฟ้อพุ่ง” กสิกรไทยชี้กระทบไทย หนักสุด “ราคาน้ำมันแพง” ซีไอเอ็มบีไทย หวั่นสงคราม กระทบไทยทางอ้อม

– สธ.ปรับฉากทัศน์โควิดโอมิครอนใหม่ คาดติดเชื้อรายวันทะลุ 5 หมื่นราย สูงสุด 1 แสนราย ปอดอักเสบอยู่ที่ 1,000 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 400-500 ราย เสียชีวิต 50 คนต่อวัน พุ่งขึ้นต่อเนื่องอีก 2-6 สัปดาห์ ฉากทัศน์ดีที่สุดกลางเดือน มี.ค.จะเริ่มทรงตัวและค่อยๆ ลดลง การรักษาไม่มีอาการไม่ต้องให้ยาฟาวิพิราเวียร์ กลุ่มมีปัจจัยเสี่ยงรับเข้าดูแลในโรงพยาบาล

– “ททท.” ส่งสัญญาณเอกชน ท่องเที่ยว ภาครัฐจ่อผ่อนคลายมาตรการ เดินทางเข้าไทยเพิ่มระยะถัดไป เม.ย.นี้ ปรับรูปแบบหลักฐานการตรวจก่อนเดินทางและการตรวจหาเชื้อเมื่อมาถึงและระหว่างพำนักในไทย พร้อมขอความร่วมมือ “โรงแรม” ทำเรื่องคืนเงินค่าตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ด้วยวิธี RT-PCR และค่าห้องพักวันที่ 5 แก่นักท่องเที่ยวรับมติ ศบค.

– “บิ๊กตู่” เปิดท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 กำชับทุกส่วนเร่งเสริมศักยภาพอีอีซีให้ตอบโจทย์นักลงทุนจากทั่วโลก ปักหมุดเข้ามาลงทุน และใช้เป็นประตูการค้าเชื่อมภูมิภาค แนะใช้ช่วงไทยเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก 2022 โปรโมต “สุริยะ” มั่นใจรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เหล็ก ปุ๋ยเคมี กนอ.คาดก่อสร้างเสร็จปี 67 เปิดให้บริการปี 69 เผยเปิดขายซอง ช่วงที่ 2 แล้ว คาดมีเอกชน 5-6 รายสนใจเข้ามาลงทุน

 

หุ้นเด่นวันนี้

– BAM (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 23.50 บาท พร้อมตั้ง บ. ร่วมทุน รับซื้อหนี้กับ ธ. พาณิชย์ รับบริหาร Secure Loan (หนี้มีหลักประกัน) ประเมินรายได้-กำไรปี 65-66 โตต่อเนื่อง หลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของรัฐ คาดจะมีกองหนี้ใหม่เข้ามาให้ประมูลในตลาดมากขึ้น, กรมบังคับคดีจะสามารถเปิดตลาดออกบูธขายหนี้ได้มากขึ้นรับการเปิดเมือง KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 3.16 พัน ลบ. และ 4.24 พัน ลบ. +22%YoY, +34%YoY ตามลำดับ

– NER (ฟินันเซีย ไซรัส) “เก็งกำไร” เป้าหมาย 9 บาท แนวโน้มกำไรปี 65 ยังแข็งแกร่ง ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ +16% Y-Y จากการขยายกำลังการผลิตและจ้างโรงงาน OEM ผลิตให้ระหว่างกำลังการผลิตใหม่ยังเข้าไม่เต็มที่ ขณะที่แผ่นปูรองนอนวัวเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ระยะสั้นได้แรงหนุนจากราคายางที่ยังทรงตัวในระดับสูง +3% YTD ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/65 อาจอ่อนลง Q-Q แต่คาดยังโตแข็งแกร่ง Y-Y และคาดทั้งปี 2565 +6% Y-Y ด้าน Valuation ยังถูกมาก เทรด PER เพียง 6 เท่า

– TOP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 63 บาท) ไตรมาส 1/65 แนวโน้มกำไรพุ่งแรงได้ประโยชน์ 2 เด้งจาก 1) ค่าการกลั่นฟื้นตัวสู่ระดับ 7-8 เหรียญ/บาร์เรล เทียบไตรมาส 4/64 ที่ 6 เหรียญ/บาร์เรล และ 2) ราคาน้ำมันดิบพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปีหนุนหุ้นโรงกลั่นบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมาก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มี.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top