แนวโน้มดัชนีเช้าปรับตัวขึ้น ขานรับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น ตามตลาดต่างประเทศ ขานรับถ้อยแถลงประธานเฟด ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง เพื่อคุมเงินเฟ้อ แม้มีความไม่แน่นอนจากสงครามรัสเซียและยูเครน และประธานาธิบดีสหรัฐ ยืนยันไม่ส่งทหารเข้าไปรบในยูเครน ให้แนวรับที่ 1,680-1,685 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด

ขอแก้ไข ค่าการกลั่นฯ จาก “7.03 ดอลลาร์/บาร์เรล” เป็น “3.59 ดอลลาร์/บาร์เรล” ข่าวที่แก้ไขแล้วเป็นดังนี้

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในต่างประเทศ ขานรับถ้อยแถลงนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ แต่จะไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่าวิกฤตรัสเซียและยูเครนยังมีความไม่แน่นอนอยู่ รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรส โดยระบุจะไม่ส่งทหารเข้าไปรบในยูเครน

ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,680-1,685 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด โดยวันนี้หุ้นบมจ.ปตท. (PTT) จะขึ้นเครื่องหมายXD ซึ่งอาจถ่วงดัชนีตลาดหุ้นไทยราว 3 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (2 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,891.35 จุด เพิ่มขึ้น 596.40 จุด หรือ +1.79%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,386.54 จุด เพิ่มขึ้น 80.28 จุด หรือ +1.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,752.02 จุด เพิ่มขึ้น 219.56 จุด หรือ +1.62%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด เพิ่มขึ้น 235.84 จุด หรือ +0.89%, ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 11.74 จุด หรือ +0.34% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้น 90.34 จุด หรือ +0.40%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 มี.ค.) ที่ระดับ 1,689.81 จุด ลดลง 4.47 จุด, -0.26%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,773.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มี.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 มี.ค.) พุ่งขึ้น 7.19 ดอลลาร์ หรือ 7% ปิดที่ 110.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2554

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 มี.ค.) อยู่ที่ 3.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.47 แข็งค่าจากวานนี้ ให้กรอบวันนี้ 32.40-32.60 จับตาปัจจัยใน-ตปท.

– “พลังงาน” เล็งชง ครม. กู้เพิ่ม 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน “กุลิศ” ชี้น้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์ กระทบทั่วโลก กกร.หวั่นสงคราม “รัสเซียยูเครน” ลากยาวหั่นจีดีพีเหลือ 2.5-4.5% ชงรัฐเกาะติดสถานการณ์ ห่วงปิดน่านฟ้า ท่าเรือ ชี้พึ่งจีนลดผลกระทบคว่ำบาตร การเงิน “พาณิชย์” ถกผู้ส่งออก คาดต้นทุนขนส่งพุ่ง

– กระทรวงสาธารณสุขชง “UCEPโควิด 19 พลัส” เข้าครม.สัปดาห์หน้า ป่วยอาการเหลือง-แดงรักษาฟรีได้ทุกที่ กลุ่มเขียว เข้ารักษาฟรี รพ.ตามสิทธิ์ คาดมีผลบังคับใช้กลาง มี.ค. หรือต้นเดือนหน้า สปสช.เผยสายด่วน 1330 วันเดียว ยอดทะลุกว่า 7 หมื่นสาย ปรับเกณฑ์ดูแล “ผู้ติดเชื้อโควิดแบบผู้ป่วยนอก” เจอ แจก จบ “ทปอ.” เปิดให้ผู้ป่วยอาการน้อยลงทะเบียน 7 มี.ค.สอบ TCAS65 ได้ ส่วนผู้รู้ตัวติดเชื้อน้อยกว่า 24 ชั่วโมงลงทะเบียน สนามสอบพิเศษไม่ทันถือว่าขาดสอบ

– นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างประกาศ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่องสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการ ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ พ.ศ.. ที่เป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ ให้ผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ 7 แห่ง ได้แก่ 1.เมืองการบินภาคตะวันออก (อีอีซีเอ) 2.นวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก 3.อุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล 4.รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน 5.ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ (พัทยา) 6.การแพทย์จีโนมิกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน) 7.ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีชั้นสูงบ้านฉาง จ.ระยอง โดย สกพอ.จะนำร่องพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออกที่ทำได้ยากที่สุด เพื่อให้โครงการตัวอย่างนำร่องด้านสิทธิประโยชน์ก่อนขยายไปในพื้นที่อื่นต่อไป

– “สนค.” ลุ้นระทึกราคาน้ำมันโลกพุ่งกระฉูด ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสมองหามาตรการรับมือ ก่อนเงินเฟ้อปีนี้ขยับขึ้นเพราะจะเกิดผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ประชาชน และภาคธุรกิจเสนอ 3 แนวทางเข้ามาบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

– กกร.ปรับกรอบประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 65 ใหม่รับมือวิกฤตยูเครน-รัสเซียยืดเยื้อกว่าที่ประเมินไว้ หั่นจีดีพีเหลือ โต 2.5-4.5% และเพิ่มกรอบเงินเฟ้อเป็น 2-3% คงเป้าส่งออกโต 3-5% หลังน้ำมันพุ่งสูงหวั่นแตะ 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แนะรัฐกู้ ล้านล้านบาท ตุนรับมือ ส่งสัญญาณราคาสินค้าบางรายการสุดอั้น อาจเห็นทยอยขยับเพิ่มขึ้น

– กระทรวงพาณิชย์เผยส่งออกเดือนม.ค.โต 8% ชี้สาเหตุไทยนำเข้าน้ำมันดิบตลาดโลกราคาแพง ทุบไทยขาดดุลการค้า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หวั่นความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบตลาดยางรถยนต์ อาหารแปรรูป อัญมณี เตรียมปรับแผนส่งออกเจาะตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกาทดแทน

หุ้นเด่นวันนี้

– PTT (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 55 บาท ประเมิน Sentiment บวกจาก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเป็น Sentiment บวกมาที่หุ้นในกลุ่ม PTT และการลงทุนในธุรกิจรถอีวี และแบตเตอรี่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐฯ นอกจากนี้ปันผล 0.8 บาท XD วันที่ 3 มี.ค. และคาด Dividend yield ปี 2565 อีกราว 6% โดยประเมินแนวรับ 39.0 บาท / แนวต้าน 40 – 41 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-42 บาท (Stop loss 38.5 บาท)

– PSL (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 20.50 บาท Outlook ดีจาก 2 ปัจจัยหนุนทั้ง FED ที่อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในครั้งแรก ลดความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน หนุนค่าระวาง นับตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 จะเริ่มเข้าซื้อ High Season ของการขนส่ง Demand เพิ่งขึ้นพร้อมกับค่าระวางที่ยังทรงตัวในระดับสูง

– PJW (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้าหมาย 6 บาท คาดแนวโน้มการเติบโตปี 2565 ยังสดใสทั้งธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ฟื้นตัว รวมถึงจะเห็นพัฒนาการที่ชัดเจนขึ้นในการ Diversify ไปยังพลาสติกทางการแพทย์ซึ่งแนวโน้มเติบโตดีระยะยาวและมี Margin สูง นอกจากนี้เราคาดว่า PJW มีศักยภาพในการขยายตลาดพลาสติกสำหรับ EV โดยใช้ฐานลูกค้าหลักปัจจุบันที่อยู่ในกลุ่มยานยนต์ และเป็นบวกต่อการเติบโตและชดเชยบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นได้ เราคาดกำไรปี 2565-2567 +15% CAGR KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 3.5 พัน ลบ. และ 2.7 พัน ลบ. -21%YoY, +20%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top