หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาคหลังรัสเซียโจมตียูเครนรุนแรงขึ้น

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามภูมิภาค จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย พร้อมลดขนาดงบดุลในปีนี้ ให้แนวรับที่ 1,670-1,680 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากการทำสงครามของรัสเซียในยูเครนที่มีความรุนแรงมากขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. รวมทั้งปรับลดขนาดของงบดุลภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กดดัน Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก

ให้แนวรับที่ 1,670-1,680 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด

ขณะที่ บล.เคทีบีเอสที คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวหลังมีข่าวรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ที่ชื่อ Zaporizhzhia ขนาด 950 MW ของยูเครนเช้าวันนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงทันที่ 2-3% จึงคาดว่าตลาดไทยน่าจะได้รับผลกระทบนี้ด้วย แม้คืนที่ผ่านมาจะมีข่าวว่าสองฝ่ายมีการเจรจารอบสองไปแล้วก็ตาม โดยข่าวเกี่ยวกับยูเครนในเวลานี้ยังมีผลให้ตลาดหุ้นผันผวนสูง คือพร้อมขึ้นและลงได้ตลอดเวลา

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,794.66 จุด ลดลง 96.69 จุด หรือ -0.29%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,363.49 จุด ลดลง 23.05 จุด หรือ -0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,537.94 จุด ลดลง 214.08 จุด หรือ -1.56%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด ลดลง 155.42 จุด หรือ -0.58%, ตลาดหุ้นจีน ลดลง 21.13 จุด หรือ -0.61% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงลง 588.21 จุด หรือ -2.62%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 มี.ค.) ที่ระดับ 1,696.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.27 จุด, +0.37%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,892.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 มี.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 มี.ค.) ลดลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 107.67 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 มี.ค.) อยู่ที่ 3.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.72 อ่อนค่าตามภูมิภาค วิตกวิกฤตยูเครน จับตา Flow-ตัวเลขศก.สหรัฐคืนนี้

– นายกฯ หารือทีมเศรษฐกิจแก้ปัญหาค่าครองชีพหลังราคาน้ำมันพุ่ง สั่ง “คลัง-พลังงาน” เร่งมาตรการช่วยผู้ใช้เบนซิน เน้นกลุ่มเปราะบาง จักรยานยนต์รับจ้าง เล็งจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ มอบ “สุพัฒนพงษ์” หารือสมาคมธนาคาร-แบงก์รัฐแก้หนี้ประชาชน ห่วงปมโควิด-น้ำมันแพงเพิ่มปัญหาหนี้ “หอการค้า” ห่วงน้ำมันดิบขึ้นไปแตะ 120 ดอลลาร์ ส.อ.ท.ชี้ผู้ผลิตแบกต้นทุนเพิ่ม

– นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ยังไม่ได้พิจารณาโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ไม่ว่าจะเพิ่มวงเงินหรือขยายระยะเวลา เนื่องจากโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ยังคงดำเนินการอยู่ไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.65 ฉะนั้นยังมีเวลาพิจารณารายละเอียดโครงการ ถึงแม้ว่าผู้ใช้สิทธิบางราย จะใช้สิทธิครบวงเงิน 1,200 บาทแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เพิ่งเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา

– นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ภาคธนาคารพาณิชย์เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 63 สมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารสมาชิกสมาคม ได้ร่วมกันดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งการแก้หนี้เดิม เช่น มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ในระยะ 1-3 มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ มาตรการแก้หนี้ระยะยาว มาตรการรวมหนี้

– ยอดติดเชื้อใหม่รวมผล ATK เกินครึ่งแสน ดับพุ่ง 49 ราย ชี้พีกสุดกลาง เม.ย. 4-5 หมื่นรายต่อวัน หากหย่อนมาตรการสูงกว่านี้แน่ บี้ทุกจังหวัดเร่งฉีดกระตุ้นผู้สูงอายุก่อนเทศกาลสงกรานต์ “อนุทิน” เร่งเพิ่มคู่สายด่วน 1330 สธ.ดึง 14 รพ.ในสังกัดรอบกรุง เสริมระบบเจอ จ่าย จบ

หุ้นเด่นวันนี้

– LANNA (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 26.00 บาท ประเมินรายได้ครึ่งปีแรกเติบโตเด่นเกินคาด ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาถ่านหินให้ทรงตัวในระดับสูง LANNA ซึ่งมีเหมืองได้ประโยชน์มาก ติดตามการลงทุนในสัมปทานเหมืองถ่านหินใหม่ที่อินโดนีเซีย หากได้มาเพิ่มจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในอนาคต ความต้องการในการใช้ถ่านหินจะเพิ่มขึ้นหลัง โรงไฟฟ้าที่ใช้แก๊ซเป็นพลังงานในโซนยุโรปขาดพลังงาน โรงไฟฟ้าถ่านหินจะถูก Run เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยพลังงานที่ขาด

– TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้าหมาย 8.70 บาท ระยะสั้นแนวโน้มกำไรครึ่งแรกปี 65 ยังดูดี โดยรายได้เติบโตทั้งจากธุรกิจเครื่องดื่มทั้ง 7-11 และ Non 7-11 รวมถึงธุรกิจ Character ที่ดีขึ้น ส่วนฝั่งต้นทุนยังกระทบไม่มาก ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% ส่วนฝั่งต้นทุนหากครึ่งหลังปี 65 ยังไม่ผ่อนคลายอาจพิจารณาปรับขึ้นราคาขาย เรายังคาดกำไรปีนี้โตแข็งแรง +9% Y-Y

– AOT (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” เป้าหมาย 70.00 บาท สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 64/65 (ม.ค.-มี.ค.65) มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากรัฐกลับมาเปิดประเทศแบบ Test & Go ตั้งแต่เดือน ก.พ.65 รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นอย่างเราเที่ยวด้วยกันจะช่วยหนุนการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือ นอกจากนี้ยังมี Sentiment บวกหลังมีข่าว (Bloomberg) จีนเริ่มหาทางยกเลิกนโยบายซีโร่โควิด เตรียมเปิดประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวเร็วกว่าประมาณการเดิมที่ตั้งไว้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top