หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ รอปัจจัยใหม่ แต่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์สอดคล้องตลาดหุ้นเอเชีย นักลงทุนยังรอดูปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะความคืบหน้าการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงการเจรจาของผู้นำสหรัฐและจีน ขณะที่วันนี้จะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบฟิวเจอร์ที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ให้แนวรับที่ 1,670-1,674 จุด และแนวต้าน 1,685-1,690 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งไซด์เวย์สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ เนื่องด้วยนักลงทุนยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการเจรจาหาข้อยุติการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งปัจจุบันยังไม่เห็นความคืบหน้าเชิงบวก ขณะเดียวกันการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ก็ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน

แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบฟิวเจอร์ยังคงปรับตัวขึ้น เป็นผลต่อเนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยมีการคาดการณ์ว่าสหรัฐและรัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมัน ประมาณ 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้เป็นผลบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในวันนี้

ให้แนวรับไว้ที่ 1,670-1,674 จุด และแนวต้าน 1,685-1,690 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,754.93 จุด เพิ่มขึ้น 274.17 จุด หรือ +0.80% , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,463.12 จุด เพิ่มขึ้น 51.45 จุด หรือ +1.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,893.84 จุด เพิ่มขึ้น 279.06 จุด หรือ +2.05%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (21 มี.ค.) เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,823.07 จุด เพิ่มขึ้น 410.67 จุด หรือ +1.92% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,255.62 จุด เพิ่มขึ้น 4.55 จุด หรือ +0.14%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 มี.ค.) ที่ระดับ 1,678.51 จุด ลดลง 3.25 จุด, -0.19%

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,435.29 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มี.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(18 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 104.70 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 4.2% ในสัปดาห์นี้

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 มี.ค.) อยู่ที่ 9.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.32 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อนตามทิศทางภูมิภาค ให้กรอบ 33.25-33.40

– “คลัง” สั่ง “แบงก์รัฐ” หนุนเงินทุนธุรกิจสตาร์ทอัพ คาดมาตรการเว้นภาษี Capital Gains Tax ปลุกลงทุนสตาร์ทอัพพุ่ง 3.2 แสนล้านบาทในปี 69 “ศุภชัย” ชี้สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 7.9 แสนล้าน จ้างงานเพิ่มกว่า 4 แสนตำแหน่ง “ชัยวุฒิ” ลั่น อยู่ระหว่างเสนอร่างพ.ร.ฎ. หวังปลุกแรงบันดาลใจสตาร์ทอัพปั้นสู่ Soft Power ประเทศ “บีโอไอ” กางแผน 4 ด้าน พัฒนา “แอพ-ดีพเทค” ให้สิทธิเว้นภาษี 13 ปี

– “บิ๊กคอร์ป” เปิดแผนลุยลงทุนสตาร์ทอัพ ขับเคลื่อน New business เร่งดันนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ “ดับบลิวเอชเอ” รุกลงทุน 2 สตาร์ทอัพ พัฒนาโลจิสติกส์ “โออาร์”เดินหน้าลงทุน 5 สตาร์ทอัพ ต่อยอดธุรกิจ “เอสซีจี” ขยายลงทุนซีรีส์ “ซี-ดี” ด้านมิตรผลหนุนฟู้ดเทค สตาร์ทอัพ ค่ายพฤกษาฯลุย” พร็อพเทค-เฮลธ์เทค” “แสนสิริ” ดึงสตาร์ทอัพ 4 ด้าน เสริมทัพ กลุ่มค้าปลีก ผนึกกำลังร่วม สตาร์ทอัพหวังดึงนวัตกรรมเสริมแกร่งบริการ

– “ส.อ.ท.” ผวาต้นทุนการผลิตสูงต่อเนื่องจากวิกฤตขัดแย้ง “รัสเซีย-ยูเครน” ดันน้ำมัน-ค่าไฟ-LPG ขยับยกแผง วัตถุดิบ-บรรจุภัณฑ์ราคาพุ่ง ล่าสุดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% คาดอาจปรับอีก 6 ครั้ง รับราคาสินค้าเริ่มอั้นไม่ไหว ห่วง SMEs อาจกลับไปทรุดหนัก แนะรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อประคอง ศก.

– สงครามรัสเซีย-ยูเครนฟาดหางส่งออกไทยปี’65 สภาผู้ส่งออกชี้ไตรมาส 2 วูบเฉียด 1 แสนล้าน หั่นเป้าทั้งปีเหลือแค่ 5% เตือนเอกชนตั้งรับผลกระทบทางอ้อมรุนแรง หลังท่าเรือรัสเซียปิด แห่ย้ายพอร์ส่งผ่าน “ท่าเรือยุโรป” แทน ระบบโลจิสติกส์ปั่นป่วนเกิดปัญหาคอขวด สายการเดินเรือส่งสัญญาณชะลอรับส่งสินค้า ทั้งค่าระวางเรือสูงลิ่ว ขณะที่ยุโรป-สหรัฐปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจหวั่นคำสั่งซื้อใหม่เดือน พ.ค.ร่วง ส.อ.ท.จี้รัฐวางมาตรการช่วยเอกชนอ่วมต้นทุนพุ่งศูนย์วิจัยกสิกรฯ ชี้ส่งออกโตต่ำกดดันจีดีพี

หุ้นเด่นวันนี้

– M (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้าหมาย 62 บาท ระยะสั้นกำไรไตรมาส 1/65 จะทรงถึงปรับขึ้น Q-Q เป็นราว 400-450 ลบ.จาก SSSG ที่บวกแรงทุกแบรนด์ ส่วนต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นชดเชยได้จากการปรับขึ้นราคาอาหารทำให้ Gross Margin คาดยังทรงตัวได้ ประเด็นต้นทุนยังต้องติดตาม มีโอกาสปรับขึ้นราคาเพิ่มเติมหากราคาวัตถุดิบปรับขึ้นต่อเนื่องจากไม่ได้ล็อคราคาในปีนี้ อย่างไรก็ตามภาพรวมการฟื้นตัวยังแข็งแรงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ค่อนข้างปกติในปัจจุบัน เราคาดกำไรปี 2565 โตแรงเป็น 2.2 พันลบ.จากฐานต่ำปีก่อน และขึ้นเป็น 2.5 พันลบ.ในปี 2566 ใกล้เคียงก่อน COVID-19

– CPN (กรุงศรี)”ซื้อ” เป้า IAA Consensus 65 บาท คาดกำไรสุทธิทยอยฟื้นตัวจาก Traffic ที่เพิ่มขึ้นหลังการเปิดเมือง ขณะที่ส่วนลดค่าเช่าลดลงเหลือเฉลี่ย 20-25% เทียบกับก่อนหน้าที่ 28-56% ขณะที่ไตรมาส 2/65 เตรียมเปิดห้างใหม่ที่จันทบุรีหนุน Growth story ของพื้นที่เช่าในครึ่งปีหลัง

– OSP (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 41 บาท คาดกำไรปีนี้เติบโต +15%YoY สู่ระดับ 3.7 พันล้านบาท (New High) แรงหนุนจากภาคอุปโภคบริโภคฟื้นตัว การออกสินค้าใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผสานโครงการลดต้นทุน อีกทั้งผลการดำเนินงานในเมียนมามีแนวโน้มฟื้นตัว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top