หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ หลังสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนยังคลุมเครือ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ จากสถานการณ์รัสเซียและยูเครนยังคลุมเครือ หลังมีรายงานว่ากองกำลังทหารรัสเซียได้ระดมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ แม้รัสเซียเพิ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดปฎิบัติการทางทหาร แต่ยังมีปัจจัยบวกจากรัสเซียยินยอมให้ยุโรปชำระค่าก๊าซฯ เป็นยูโรได้ และการประชุม กนง.ออกมาตามคาด รวมถึง ธปท.ยังคาดการณ์เศรษฐกิจจะเติบโต 3.2% ในปีนี้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบ ให้แนวรับไว้ที่ 1,682-1,686 จุด และแนวต้าน 1,705-1,713 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ จากภาพของรัสเซียและยูเครนกลับมาคลุมเครือ หลังมีรายงานว่ากองกำลังทหารรัสเซียได้ระดมยิงปืนใหญ่พื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ แม้ว่ารัสเซียเพิ่งให้คำมั่นว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากรัสเซียยินยอมให้ยุโรปชำระค่าก๊าซธรรมชาติเป็นเงินยูโรได้ รวมทั้งมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วานนี้ก็เป็นไปตามคาดการณ์ โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ (GDP) เติบโตได้ถึง 3.2%

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ

ให้แนวรับที่ 1,682-1,686 จุด และแนวต้าน 1,705-1,713 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (30 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,228.81 จุด ลดลง 65.38 จุด หรือ -0.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,602.45 จุด ลดลง 29.15 จุด หรือ -0.63% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,442.27 จุด ลดลง 177.36 จุด หรือ -1.21%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,809.97 จุด ลดลง 217.28 จุด หรือ -0.78%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,262.16 จุด เพิ่มขึ้น 30.13 จุด หรือ +0.14% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,256.14 จุด ลดลง 10.46 จุด หรือ -0.32%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 มี.ค.) ที่ระดับ 1,698.40 จุด เพิ่มขึ้น 8.66 จุด, +0.51%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,377.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มี.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.(30 มี.ค.) พุ่ง 3.58 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 107.82 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 มี.ค.) อยู่ที่ 12.84 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.22 แข็งค่าตามภูมิภาค คาดธุรกรรมช่วงสิ้นเดือนเบาบาง ให้กรอบ 33.15-33.35

– ธปท.หั่น “จีดีพี” ปีนี้เหลือ 3.2% ปีหน้า 4.4% เชื่อเศรษฐกิจฟื้นต่อตามศักยภาพ แต่ยืนยันไม่เข้า Stagflation มองเงินเฟ้อไตรมาส 2-3 ทะลุ 5% จากซัพพลายช็อก ยันไม่ใช้เครื่องมือดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ หวั่นผลกระทบเกิดวงกว้าง “อาคม” มั่นใจส่งออกปีนี้โต 10% หนุนเศรษฐกิจฟื้น ชดเชยท่องเที่ยว สรท.เร่งรัฐเปิดตลาดการค้าใหม่ หนุนเอฟทีเอ

– “ภากร” ชี้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูง เล็งปั้นตลาดเชื่อมโลกหุ้น โทเคน “ซิปเม็กซ์” ชี้คนรุ่นใหม่หันลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น ก.ล.ต ย้ำการควบคุม ต้องบาลานซ์กฎหมายให้ดี “กรณ์” ระบุภาษีตัวขวางสินทรัพย์ดิจิทัลไม่โต “จิรายุส” ชี้การกำกับดูแลต้องทำอย่างสมดุล มองหลายมิติ เปิดโอกาสให้แข่งขันได้ ขณะที่ “ซีอีโอชั้นนำอาเซียน” ระบุสินทรัพย์ดิจิทัลลดความสูญเสียยุคที่โลกมีความเสี่ยงสูงได้

– สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ขยายตัว 3.5-4.5% และอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 2.2-3.2% โดยยังต้องติดตามสถานการณ์สงครามในรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นจะเป็นตัวเร่งให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีเอ็มพีไอเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.75% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6

– ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าต้องการให้สถาบันการเงินดูแลประชาชนให้ได้รับบริการทางการเงินที่เป็นธรรม สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินด้วยราคาที่เหมาะสม ได้รับข้อมูลที่เปิดเผยอย่างโปร่งใสและเพียงพอต่อการตัดสินใจ รวมถึงส่งเสริมผู้ให้บริการทางการเงิน (ผู้ให้บริการ) แข่งขันการให้บริการภายใต้หลักเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้ ล่าสุด ธปท.ได้ออกประกาศ ธปท.เรื่อง หลักเกณฑ์การปฏิบัติและการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ย ค่าบริการ และเบี้ยปรับสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน เพื่อปรับปรุงการให้บริการให้เหมาะสมมากขึ้น

– กกพ.ชี้พิษน้ำมันแพง-แอลเอ็นจีอ่าวไทยขาดแคลน แจงแนวทางดูแลค่าไฟฟ้าพุ่งช่วยค่าครองชีพคนไทย ปรับใช้ดีเซลผลิตไฟฟ้า ให้ กฟผ.รับภาระค่าเอฟทีทยอยขึ้นต่ำกว่าต้นทุนจริง จ่อเลิกเก็บค่าบริการไฟฟ้ารายเดือน 38.22 บาท ยันทำเต็มที่แต่ไม่ได้ทั้งหมด วอนรัฐ-ปตท.ช่วย หากราคาเชื้อเพลิงพุ่งไม่หยุด
*หุ้นเด่นวันนี้

– SHR (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท การดำเนินงานในมัลดีฟท์และอังกฤษ YTD แข็งแกร่งมาก OCC rate สูงถึงกว่า 70% และ 50% ตามลำดับ ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครนคาดกระทบไม่มาก โดยนักท่องเที่ยวรัสเซียคิดเป็น 16% ของมัลดีฟท์ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะชดเชยจากตลาดอื่นๆที่เติบโตได้ เราคาด Rev Par ปี 65 จะกลับไปเหนือกว่าช่วงก่อนมี COVID-19 หนุนการเติบโตให้เร่งตัวโดยคาดปี 65 พลิกมีกำไร 117 ลบ. ขณะที่ปี 66 คาด +339 Y-Y เป็น 512 ลบ.

– DOHOME (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 25 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นส่งผลบวกต่อยอดขายและรายได้ของ DOHOME โดยตรง เนื่องจาก DOHOME มีสัดส่วนรายได้กว่า 40% มาจากการขายผลิตภัณฑ์จากเหล็ก

– PLANB (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.60 บาท เป้า OCC.Rate บริษัทสูง 60% มากกว่าจุดคุ้มทุน 40% โดยอัตราใช้ป้ายได้ผ่านจุดต่ำสุด 34.9% ในไตรมาส 3/64 สู่ 54.2% ในไตรมาส 4/64 แม้ไตรมาส 1/65 อาจย่อเพราะ Omicron แต่ไตรมาส 2/65 เชื่อจะเร่งขึ้นได้ จากฐานกำไรไตรมาส 1/64 ที่ต่ำจะส่งให้กำไรไตรมาส 1/65 คาดเติบโต 1-2 เท่าตัว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 มี.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top