ตร.เผยยอดแจ้งความออนไลน์แล้วเกือบ 1.5 หมื่นเรื่อง อายัดเงินกว่า 56 ล้านบาท

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า สถิติคดีออนไลน์หลังเปิดศูนย์รับแจ้งความออนไลน์คดีทางเทคโนโลยีตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.จนถึงวันที่ 20 เม.ย.65 มีจำนวน 14,794 เรื่อง ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่มีความห่วงใยต่อประชาชน ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากกรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้ขับเคลื่อนศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ฯ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการแจ้งความและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ง่ายขึ้น พร้อมกำชับให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งทำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แนวทางการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและข่าวสารข้อมูลที่เป็นปัจจุบันให้ประชาชนรับทราบ

โดยมีประชาชนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.จนถึงวันที่ 20 เม.ย.65 มีการแจ้งความคดีออนไลน์รวมแล้ว 14,794 เรื่อง แบ่งเป็น การแจ้งความเกี่ยวกับการหลอกลวงด้านการเงิน 8,126 เรื่อง คิดเป็น 55%, การจำหน่ายสินค้าออนไลน์ 5,859 เรื่อง คิดเป็น 39%, เฟคนิวส์ 147 เรื่อง คิดเป็น 1%, ล่วงละเมิดทางเพศ 38 เรื่อง คิดเป็น 0.25%, การพนันออนไลน์ 137 เรื่อง คิดเป็น 0.9%, คดีออนไลน์อื่นๆ 487 เรื่อง คิดเป็น 3.2% โดยได้ดำเนินการขออายัดบัญชีกว่า 3,972 บัญชี ยอดเงินรวมกว่า 806,134,920 บาท ยอดที่สามารถอายัดได้กว่า 56,660,122 บาท

ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงสิ่งที่ต้องเตรียมเพิ่มเติมไว้ล่วงหน้าเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการแจ้งความ ผ่านศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ ดังนี้

  1. บัตรประจำตัวประชาชนควรอยู่กับตัว เนื่องจากในการลงทะเบียนจะต้องกรอกข้อมูล ทั้งหมายเลขบัตรและหมายเลขหลังบัตรประชาชน เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน
  2. อีเมล ผู้แจ้งควรจะต้องมีอีเมลส่วนตัว เพราะหลังจากกรอกรายละเอียดเบื้องต้นแล้ว ระบบจะส่งรหัส OTP ผ่านทางอีเมล เพื่อจะนำมากรอกในระบบ เพื่อยืนยันตัวตนผู้แจ้ง และจะเข้าสู่กระบวนการถัดไป
  3. ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับคดี ทั้งข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งและข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาเท่าที่ทราบได้แก่ ชื่อ นามแฝง เลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคารที่ใช้ในการทำธุรกรรม ช่องทางติดต่ออื่นๆ เช่น Line Facebook Instagram Twitter เป็นต้น รวมถึงรูปแบบคำโฆษณาของเหล่ามิจฉาชีพ เพื่อใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลคดีอื่นๆ ที่เคยแจ้งมาก่อน และจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบหาคนร้ายที่ทำในรูปแบบขบวนการ

รองโฆษก ตร.กล่าวว่า หลังจากได้รับข้อมูลจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ ผู้บริหารการรับแจ้ง (Admin) และผู้บริหารคดี (Case Manager) วิเคราะห์ข้อมูลและส่งเรื่องต่อไปยังสถานีตำรวจที่ผู้แจ้งสะดวกในการเดินทางไปแจ้งความแล้ว ก็จะเริ่มดำเนินกระบวนการสืบสวนในทันที โดยพนักงานสอบสวนจะทำการโทรนัดหมายผู้แจ้งหรือผู้เสียหายมาสอบปากคำ อายัดบัญชี ทำการออกหมายเรียก และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องทางคดีตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมทั้งจะรายงานความคืบหน้าคดีในระบบออนไลน์ ซึ่งผู้เสียหายสามารถติดตามความคืบหน้า ส่งข้อมูลเพิ่มเติม หรือสอบถามปัญหาผ่านระบบได้ตลอดเวลา แต่ประชาชนยังสามารถไปแจ้งความโดยตรงได้ทุกสถานีตำรวจที่สะดวก แม้สถานีนั้นจะไม่มีอำนาจการสอบสวน ก็จะส่งเรื่องต่อไปยังสถานีตำรวจที่มีอำนาจการสอบสวนต่อไป

นอกจากนี้สิ่งที่ต้องเน้นย้ำเพิ่มเติมก่อนจะแจ้งความในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านทางศูนย์คือ ต้องตรวจสอบดูชื่อเว็บไซต์ของทางศูนย์รับแจ้งความให้ถูกต้องครบทุกตัวอักษร โดยเว็บไซต์ของศูนย์ชื่อว่า www.thaipoliceonline.com เพื่อเป็นการป้องกันเหล่ามิจฉาชีพที่อาจฉวยโอกาสแอบปลอมแปลงเว็บไซต์ โดยการใช้ชื่อที่คล้ายกับเว็บไซต์จริง และทางศูนย์รับแจ้งความขอให้ประชาชนเข้าไปแจ้งผ่านทางเว็บไซต์เป็นอันดับแรก เพื่อความสะดวกของประชาชนและ เพื่อความรวดเร็วในการเชื่อมโยงข้อมูลคดีของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากพบข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 เม.ย. 65)

Tags: ,
Back to Top