ชลน่าน แนะชื่อนายกฯ สำรองต้องเหมาะสม ชี้ค่าหัวล้มบิ๊กตู่แค่ดิสเครดิตฝ่ายค้าน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะมีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีสำรองว่า หากกระบวนการนำรายชื่อในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอมาเลือกไม่ได้ ตรงนี้จะเป็นเหตุว่าเขาจะเลือกใครหรือไว้ใจใคร ซึ่งความเป็นไปได้อยู่ที่ผู้มีอำนาจขณะนี้ว่าเห็นแก่บ้านเมืองมากน้อยขนาดไหน

“ถ้าเขาตั้งใจจะสืบทอดอำนาจ ง่ายที่สุดคือ พล.อ.ประวิตร เพราะอยู่ในกลไกการใช้อำนาจนี้อยู่แล้ว และเป็นผู้ที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแต่แรก แต่ถ้าเห็นแก่ประเทศชาติไหนๆ ก็จะมีนายกฯ สำรองแล้ว ลดการสืบทอดอำนาจ มุ่งแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ อาจจะเสนอคนอื่นที่มีความเหมาะสม หรือคนที่จะทั้งสืบทอดอำนาจและแก้ปัญหาประเทศไทยได้ทั้ง 2 อย่างให้ คสช.อยู่ได้ และคนที่มาเป็นนายกฯ สามารถนำพารัฐบาล หรือ ครม.ที่จะตั้งขึ้นมาใหม่สามารถนำพาชาติบ้านเมืองเดินไปได้”

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยระบุ

ส่วนความคืบหน้าการดีลพรรคเล็กเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เสียงของฝ่ายค้านยังไม่พอ ดังนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติตามมาตรา 151 ต้องใช้กลไกทุกอย่างเพื่อให้ได้เสียงพอสำหรับการไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่จะอภิปราย โดยการดำเนินการจะเน้นการใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริงในการอภิปราย เพราะเชื่อว่าถ้าข้อมูลมีน้ำหนักมากพอ ส.ส.ที่จะทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมืองย่อมตัดสินใจ และ ส.ส.พรรคเล็กก็เปิดใจว่าจะใช้กลไกนี้ในการกู้วิกฤติศรัทธาของการทำงานในสภาฯ ที่เขาถูกกล่าวหาว่ากินกล้วย หรือทำงานเพื่อตัวเอง อย่างไรก็ตาม ที่ถามว่าได้เสียงขนาดไหน ตนไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดขนาดนั้น แต่มีการพูดคุยกันต่อเนื่อง

กรณีมีข่าวกระบวนการล้มนายกฯ ครั้งนี้มีค่าหัวสูงตั้งแต่ 5 ล้านบาทไปจนถึง 30 ล้านบาทนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้ยินจากสื่อ และไม่แน่ใจว่าผู้ปล่อยข่าวมีวัตถุประสงค์อย่างใด ทั้งนี้ในกระบวนการล้มนายกฯ เป็นกระบวนการตามวิถีประชาธิปไตย โดยใช้ระบบรัฐสภา ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร การที่สมาชิกยกมือไว้วางใจหรือไม่ สามารถสืบทราบได้อยู่แล้วว่า รับเงิน 5-30 ล้านบาทจริงหรือไม่ ซึ่งค่อนข้างเชื่อว่า ส.ส.ที่จะมาร่วมยกมือกับฝ่ายค้าน เพราะต้องการกู้วิกฤติศรัทธาให้กับตัวเอง และกับพรรค ดังนั้นถ้าเขาไปหลงบ่วงอยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้แก้วิกฤตศรัทธา แต่ฝังทั้งเป็น ตายทั้งเป็น ซึ่งเชื่อว่าเขาไม่ทำ

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่เขาจะเข้าสู่การเลือกตั้ง อะไรที่ดีที่สุด เขาจะเลือกทำแบบนั้น เชื่อว่าเรื่องเงิน 5-30 ล้านบาท เป็นการปล่อยข่าว เพื่อลดความน่าเชื่อถือของพรรคร่วมฝ่ายค้านเรา และคนที่เราจะไปคุยด้วย”

นพ.ชลน่าน ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top