หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์รับราคาน้ำมันดิบพุ่งหลังจีนเตรียมปลดล็อกดาวน์

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น เนื่องจากจีนมีแผนปลดล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หลังการระบาดของโควิด-19 เริ่มเบาลง ขณะที่บอนด์ยิลด์สหรัฐย่อตัวลงสู่ระดับ 2.8% และค่าเงินดอลลาร์ชะลอการแข็งค่า รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย SP หุ้น JTS วันนี้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อตลาดฯ ให้แนวรับไว้ที่ 1,560-1,580 จุด และแนวต้าน 1,600-1,605 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนเริ่มเบาลง ส่งผลให้จีนเตรียมยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ จึงหนุนกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวขึ้น อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ย่อตัวลงมาที่ระดับ 2.8% และค่าเงินดอลลาร์ก็ชะลอการแข็งค่าด้วย

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย SP หรือพักการซื้อขาย 1 วัน ของหุ้นบมจ. จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) ในวันนี้ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 16% กดดันดัชนีให้ร่วงลงตาม ซึ่งการขึ้นเครื่องหมายดังกล่าวก็จะช่วยให้การซื้อขายหุ้นวันนี้ไม่ผันผวนมากนัก

ให้แนวรับไว้ที่ 1,560-1,580 จุด และแนวต้าน 1,600-1,605 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,223.42 จุด เพิ่มขึ้น 26.76 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,008.01 จุด ลดลง 15.88 จุด หรือ -0.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,662.79 จุด ลดลง 142.21 จุด หรือ -1.20%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,555.23 จุด เพิ่มขึ้น 8.18 จุด หรือ +0.03% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,193.60 จุด เพิ่มขึ้น 243.39 จุด หรือ +1.22% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,076.50 จุด เพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือ +0.09%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 พ.ค.) ที่ระดับ 1,584.38 จุด ลดลง 0.14 จุด, -0.01%

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,063.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พ.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.(16 พ.ค.) พุ่งขึ้น 3.71 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 114.20 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ค.) อยู่ที่ 20.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.69 แข็งค่า หลังตัวเลขศก.สหรัฐฯกดดอลลาร์อ่อนค่า รอตัวเลข GDP ไทย

– รฟท.จัดแผนลงทุน ดันรถไฟทางคู่เฟส 2 วงเงินกว่า 2.66 แสนล้านบาท เผยแบบเสร็จผ่าน EIA แล้ว 3 เส้นทาง ลุ้น สศช. ไฟเขียว ชง ครม. เคาะประมูลช่วงขอนแก่น-หนองคาย นำร่องในปี 65 และชงบอร์ด รฟท. อนุมัติสาย “ปากน้ำโพ-เด่นชัย” และ “ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี” ส่วนอีก 4 เส้นทาง เด่นชัย-เชียงใหม่ ชุมพร-สุราษฎร์ธานี สุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ อยู่ระหว่างทำ EIA และอนุมัติโครงการ คาดเริ่มก่อสร้างปี 66 ได้ทั้งหมด ระบุยังมีแผนเพิ่มอีก 12 เส้นทาง ระยะทาง 2,419 กม. ระยะทางรวมเพิ่มเป็น 6,926 กม.

– นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาผลกระทบ กรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่างทรู กับดีแทค และการค้าปลีก-ค้าส่ง ได้เชิญ กขค. ไปสอบถามในหลายประเด็นโดยการควบรวมระหว่างซีพีกับโลตัส ได้สอบถามถึงความคืบหน้าการกำกับดูแลการปฏิบัติตามเงื่อนไข 7 ข้อของการอนุญาตให้ซีพีควบรวมโลตัส และยังเสนอให้ กขค.เปิดช่องทางการร้องเรียนจากประชาชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่ปฏิบัตตามเงื่อนไข 7 ข้อ เพื่อให้ กขค.มีข้อมูลในการนำไปตรวจสอบ โดยปัจจุบันคดีซีพีควบรวมโลตัส อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

– กรมอนามัยกางแผนรับมือเปิดเรียนออนไซต์ หากพบผู้ติดเชื้อให้แยกกักตัว แยกเรียน ไม่ต้องปิดโรงเรียน คนสัมผัสเสี่ยงต่ำไปเรียนได้ปกติ ต้องเว้นระยะห่าง สัมผัสเสี่ยงสูง ไม่ได้รับวัคซีน ให้กักตัว ถ้าได้รับวัคซีนครบ ไปเรียนได้ มีอาการตรวจ ATK ทันที สธ.แนะประเมินความเสี่ยงก่อนเข้าเรียน หลังหยุดยาว ส่วนยอดติด โควิด-19 ใหม่ รวม ATK ลดต่อเนื่อง ยอดต่ำหมื่น ตาย 40 “หมอธีระ” เผยแม้ สธ.ปรับระบบรายงาน ไทยยังตายสูงที่ 1 ในเอเชีย ที่ 3 ของโลก “หมอยง”คอนเฟิร์มฉีดเชื้อตาย กระตุ้นเข็ม 3 ด้วย mRNA ได้ผลดีมาก

หุ้นเด่นวันนี้

– PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 185 บาท คาดหวังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่องรับข่าวเชี่ยงไฮ้ทยอยคลายล็อกดาวน์ และ สถานการณ์ในยุโรปเสี่ยงตึงเครียดหลังฟินด์แลนด์และสวีเดนสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO เป็น Sentiment บวกโดยตรงกับ PTTEP (Oil link Company

– TFG (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” อยู่ระหว่างปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 5.70 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/65 ยังดีต่อทั้ง Q-Q และ Y-Y จากปริมาณกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะไก่ส่งออก และราคาเนื้อสัตว์ยังปรับตัวขึ้นต่อจากไตรมาส 1/65 ทั้งไก่และหมู คาดหักล้างผลลบต้นทุนที่ปรับขึ้นได้ทั้งหมด เราอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 10% เป็น 2.2 พันลบ +300% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE 11 เท่า ยัง Laggard เทียบกับ GFPT ที่ปัจจุบันขยับขึ้นมาเทรดที่ 14 เท่า

– BGRIM (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 36.00 บาท กำไรผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/65 (โดนต้นทุนก๊าซธรรมชาติกดดัน) นับตั้งแต่ไตรมาส 2 รายได้จะเริ่มดีขึ้น หนุนด้วยการปรับขึ้นค่า FT คาดต้นทุนพลังงานในช่วงครึ่งหลังปี 65 จะเริ่มปรับตัวลง (US-EU ปล่อยน้ำมันสำรอง) , กลุ่ม OPEC+ มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิต ระหว่างปีติดตามโครงการใหม่ที่เกาหลีและเวียดนามกว่า 3.5 GWKTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566  ที่ 812 ลบ. และ 1.79 พัน ลบ. -64%YoY, +120%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top