หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ตามภูมิภาค-ราคาน้ำมันดีดขึ้นหนุน จับตารายงานประชุมเฟด

นักวิเคราะห์ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคตามดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก และราคาน้ำมันดิบเช้านี้ดีดตัวขึ้นราว 1% หนุนกลุ่มพลังงาน แต่มองไปไม่ไกลเนื่องจากยังมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอยู่ แนะจับตารายงานประชุมเฟดของเดือน พ.ค. ที่จะออกมาในคืนนี้ พร้อมให้แนวรับที่ 1,616-1,622 จุด และแนวต้าน 1,630-1,635 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นทางเทคนิคในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคที่ช่วงเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย ตามดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก และราคาน้ำมันดิบเช้านี้ดีดตัวขึ้นราว 1% จะเข้ามาช่วยหนุนกลุ่มพลังงาน

แต่อย่างไรก็ตามมองว่าไปได้ไม่ไกล เนื่องจากแรงกดดันที่มีต่อเงินเฟ้อ และ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงมีอยู่ โดยในคืนนี้จะต้องติดตามรายงานการประชุมเฟดของเดือน พ.ค. ที่จะออกมาว่ามีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด 0.50% หรือไม่ แต่หากมีการส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้น 0.75% จะเข้ามากระทบตลาดอีกครั้ง

โดยมองว่าวันนี้จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ หากปรับตัวขึ้นก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมา พร้อมให้แนวรับที่ 1,616-1,622 จุด และแนวต้าน 1,630-1,635 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,928.62 จุด เพิ่มขึ้น 48.38 จุด หรือ +0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,941.48 จุด ลดลง 32.27 จุด หรือ -0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,264.45 จุด ร่วงลง 270.83 จุด หรือ -2.35%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,711.53 จุด ลดลง 36.61 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,112.10 จุด เพิ่มขึ้น 3.46 จุดหรือ +0.02% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,070.93 จุด ลดลง 0.76 จุด หรือ -0.02%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 พ.ค.) ที่ระดับ 1,626.23 จุด ลดลง 9.05 จุด, -0.55%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 328.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 พ.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.(24 พ.ค.)ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 109.77 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 พ.ค.) อยู่ที่ 18.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.13 ทรงตัวจากวานนี้ในทิศทางแข็งค่า นลท.รอรายงานประชุมเฟดคืนนี้

– “สุพัฒนพงษ์” เล็งเพิ่มมาตรการดูแล ราคาพลังงาน ค่าครองชีพ ก่อน 10 มาตรการหมดอายุ ก.ค.นี้ ห่วงวิกฤติพลังงานยืดเยื้อ ชี้หากเก็บรายได้พอเพิ่มมาตรการได้ “พลังงาน” หวั่นราคาดีเซลโลกสูงทั้งปี จับตาสัปดาห์หน้าขึ้น 1 บาท เร่งทำความเข้าใจสังคม หนี้กองทุนน้ำมันใกล้ทะลุ 1 แสนล้าน พร้อมหารือลดส่วนผสมไบโอดีเซล ทบทวนราคาหน้าโรงกลั่น

– “คลัง” ส่อเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น หลังเฟทโก้ยื่นหนังสือค้าน “อาคม” เผยต้องรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัว อย่างมีเสถียรภาพก่อน จากปัจจุบันฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

– นายกฯเผยต้องคุย “ชัชชาติ” ปมต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ชี้เปลี่ยนผู้ว่าฯ กทม.ไม่เป็นอุปสรรค ระบุ ยิ่งช้าเสียประโยชน์ ประชาชนเดือดร้อน “ชัชชาติ” ชี้ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน เพื่อพิจารณาให้รอบคอบ ด้าน “ศักดิ์สยาม” ยืนยันต้องยึดหลัก ข้อกฎหมาย “บีทีเอส” เล็งหารือหนี้เดินรถ ติดตั้งระบบ หลังทะลุ 4 หมื่นล้านบาท

– ปลุกผีธุรกิจกลางคืนต้องเปิดถึงตี 2 “4 สมาคม” มั่นใจเงินสะพัดดันเศรษฐกิจฟื้นเป็นลูกโซ่ ทุกกลุ่ม ชนชั้น สร้างการจ้างงาน รองรับนักท่องเที่ยวไทย-เทศ หลังศบค.ผ่อนคลายให้สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด เปิดบริการได้ถึงเที่ยงคืน

 

*หุ้นเด่นวันนี้

– JMART (เมย์แบงก์)เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75 บาท คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 65 ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น (EPS Growth +25%YoY) แรงหนุนจากทุกธุรกิจในเครือที่ยังมีพัฒนาการที่ดี (JMT, SINGER, Jasset,J-Mobile, KBJ) ผสานการ Synergy ในกลุ่มเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดี และคาดมีโอกาสเข้าคำนวน SET50 รอบนี้เพิ่มความน่าทยอยสะสม

– ADVANC (กสิกรไทย) ราคาเป้าหมาย 249.4 บาท ปัจจัยหนุนราคา 1) ข้อตกลงคลื่น 700 MHz กับ NT ที่ดีเกินคาด 2) การรวมตลาดเน็ตบ้านที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับสร้างรายได้จากสินทรัพย์ และ 3)สภาพแวดล้อมการแข่งขันของตลาดมือถือทื่ดีขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่าง DTAC และ TRUE เราปรับราคาเป้าหมายขนึ้ 6.9% จาก 233.32 บาทเป็น 249.45 บาท

– MAJOR (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.50 บาท คาดแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 2/65 กำไรจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามจำนวนหนังฟอร์มใหญ่ต่างประเทศที่เข้าฉาย รวมถึงจำนวนหนังไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้รับผลบวกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ทำให้รายได้ Concession (ขายอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น) ช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นตาม ส่วนการเข้าลงทุนใน TKN จะช่วงส่งเสริมด้านช่องทางการจัดจำหน่าย Popcorn ให้กว้างขึ้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top