บิ๊กป้อม พอใจ 9 มาตรการบริหารจัดการน้ำ ช่วยให้ไม่มีพื้นที่ภัยแล้งปี 64/65

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ/ผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ แถลงว่า ผลการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/2565 และการเตรียมรับมือฤดูฝนปี 2565 เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีการบริหารจัดการน้ำตามแผนงาน 9 มาตรการได้เป็นผลดีอย่างเป็นรูปธรรม ประชาชนในทุกพื้นที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนถึงขั้นต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน พ.ค.ถึงกลางเดือน ต.ค.65 จะเป็นช่วงฤดูฝนของไทย และแนวโน้มจะมีปริมาณน้ำฝนสูงกว่าปกติ รัฐบาลจึงได้เตรียมความพร้อมโดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการและแถลงแผนงานการรับมือฤดูฝนปี 65 ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีหน่วยงานด้านน้ำชี้แจงแผนงานตามลำดับ ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับสภาพอากาศและการคาดการณ์ปริมาณฝน, สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) เกี่ยวกับการใช้ฝน One Map ประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม, กรมทรัพยากรน้ำ เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เกษตรน้ำฝน และการเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือในการช่วยเหลือประชาชน และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เกี่ยวกับการสนับสนุนและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในภาพรวม ตามนโยบายของรัฐบาล โดยเน้นให้ประชาชนและทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยกันปฏิบัติงานอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ กระทั่งบรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยไม่มีพื้นที่ใดถูกประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งเลย ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการปฏิบัติงาน เพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านน้ำที่ผ่านมา

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายที่สำคัญแก่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมรับมือฤดูฝนปี 2565 โดยให้ปฏิบัติตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด รวมถึงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ พร้อมวางแผนเก็บน้ำสำรองทุกพื้นที่ ทั้งผิวดิน และใต้ดิน ไว้สำหรับใช้ในฤดูแล้งหน้าด้วย พร้อมทั้งกำชับคณะกรรมการลุ่มน้ำฯ/อนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด จะต้องจัดทำแผนบูรณาการ ระดับพื้นที่เพื่อการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมทั้งต้องสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง เพื่อให้การแก้ปัญหาด้านน้ำเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มิ.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top