หุ้นไทยปิดเช้าบวก 13.54 จุด ตามภูมิภาครับคาดเงินเฟ้อสหรัฐชะลอ-Fund Flow ไหลเข้า

SET ปิดเช้าที่ 1,668.16 จุด เพิ่มขึ้น 13.54 จุด (+0.82%) มูลค่าการซื้อขายราว 35,784 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับขึ้นตามตลาดหุ้นเอเชีย รับแรงหนุนคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯประกาศพรุ่งนี้ชะลอลงหนุนเฟดลดความร้อนแรงขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในระยะสั้นช่วยหนุน โดยเฉพาะกลุ่มบิ๊กแคปดันดัชนี แนวโน้มช่วงบ่ายคาดแกว่งไซด์เวย์แดนบวกต่อไปได้ ให้แนวต้าน 1,670-1,680 จุด แนวรับ 1,640-1,650 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดช่วงเช้าที่ 1,668.16 จุด เพิ่มขึ้น 13.54 จุด (+0.82%) มูลค่าการซื้อขายราว 35,784 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาค ทำระดับสูงสุด 1,668.86 จุด และต่ำสุด 1,660.83 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้ภูมิภาคเอเชีย จากความคาดหวังว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ประกาศคืนวันพรุ่งนี้จะชะลอลง ทำให้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในครั้งหน้าอาจจะลดความร้อนแรงลงได้

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความไม่แน่นอนของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ หากพลิกกลับมามาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ อาจส่งผลทำให้ตลาดกลับมาปรับตัวลงได้ แต่ก็ยังมีแรงหนุนจากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาตลาดหุ้นในภูมิภาคค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่เป็นแรงหนุนสำคัญของดัชนีวันนี้

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่าดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์แดนบวกต่อไปได้ จากปัจจัยระยะสั้นที่ส่งผลบวกต่อตลาด แนะติดตามทิศทางราคาน้ำมันหลังจากฟื้นตัวขึ้นมาและเริ่มค่อยๆปรับตัวลดลงอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและจะมีผลต่อดัชนีในช่วงบ่ายได้

ให้แนวต้าน 1,670-1,680 จุด แนวรับ 1,640-1,650 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

CH มูลค่าการซื้อขาย 3,676.27 ล้านบาท ปิดที่ 4.58 บาท เพิ่มขึ้น 2.24 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,267.42 ล้านบาท ปิดที่ 73.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,025.50 ล้านบาท ปิดที่ 664.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 933.45 ล้านบาท ปิดที่ 163.50 บาท เพิ่มชึ้น 0.50 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 887.51 ล้านบาท ปิดที่ 112.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 65)

Tags: ,
Back to Top