SolarEdge ชูจุดเด่น DC Optimized Solution ผลิตไฟได้มากกว่า ปลอดภัยกว่า

วีรุจน์ เตชะสุวรรณา ผู้จัดการประเทศไทย SolarEdge เปิดเผยว่า SolarEdge มีโครงการที่ติดตั้งระบบ SolarEdge มากกว่า 2,000 โครงการในประเทศไทย โดยกระจายในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมผลิตข้าว รวมทั้ง Residential หรือ การติดตั้งในที่อยู่อาศัย ซึ่งนับเป็นตลาดที่มีอนาคต

ล่าสุด SolarEdge ได้เปิดตัวอินเวอร์เตอร์รุ่นล่าสุด SE 90K ภายในงาน ASEAN Sustainable Energy Week ซึ่งสามารถตอบโจทย์การติดตั้งให้ลูกค้าเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเป็นโซลูชั่นที่ Built-in DC Surge Protection Device (SPD), Arc Fault Protec-tion (AFCI), และระบบหยุดทำงานฉุกเฉินหรือ Rapid Shutdown มากับตัวเครื่อง โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องติดตั้งหรือซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยขณะที่แบรนด์อื่นอาจจำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากราคาอินเวอร์เตอร์ ที่สำคัญคือโซลูชั่นของ SolarEdge สามารถตอบโจทย์มาตรฐานการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาฉบับล่าสุดของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) ซึ่งกำหนดใช้มาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง โดยจะต้องให้มีระบบ Rapid Shutdown ในทุกโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ใหม่บนหลังคาทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งระบบ DC Optimized Solution ของ So-larEdge จะมี Optimizer ทำงานในส่วนลดแรงดันตามมาตรฐาน Rapid Shutdown ได้อยู่แล้ว จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย

โดยทั่วไปแผงโซลาร์เซลล์จะต่ออนุกรม (ซีรีส์) แล้วมาต่อเข้าที่อินเวอร์เตอร์ที่ String Inverter ทั่วไปที่มี MPPT (Maxi-mum Power Point Tracking) อยู่ที่ Inverter หากยกตัวอย่างแผงโซลาร์เซลล์ 20 แผงมาต่ออนุกรมกัน โดยทุกแผงสามารถผลิตไฟได้สูงสุด 500 วัตต์ กรณีที่มีเงาผ่านแผงโซลาร์เซลล์แผงใดหนึ่ง หรือแผงเกิดปัญหา ส่งผลให้การผลิตไฟลดลงเหลือเพียง 300 วัตต์ในแผงนั้น ถ้าเป็น String Inverter หลักการทำงานคือจะผลิตไฟได้เหลือแค่ 300 วัตต์ทุกแผงในทุกแผง แต่ SolarEdge มี DC Op-timized Solution ที่เข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ โดยย้ายตัว MPPT ที่เคยอยู่ที่ Inverter ไปอยู่ที่ Optimized แทน ซึ่งจะช่วยให้แผงอื่นที่ไม่โดนเงาหรือมีปัญหาจะยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดเหมือนเดิม SolarEdge ปัจจุบันมี Optimizer หลัก ๆ คือรุ่น รุ่น 1 ตัวต่อ 1 แผงโซลาร์เซลล์ และรุ่น 1 ตัวต่อ 2 แผงโซลาร์เซลล์

DCIM\100MEDIA\DJI_0164.JPG

โดยปกติเฉลี่ยการผลิตไฟจาก DC Optimized Solution ของ SolarEdge จะได้ไฟมากกว่า String Inverter ปกติอย่างน้อย 3% โดยจะมีผลอย่างมากในปีหลัง ๆ ของการติดตั้ง เพราะโดยธรรมชาติไฟที่ผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์จะลดลงทุก ๆ ปี เช่น ปีแรกได้การรับประกันจากผู้ผลิต 97% และเหลือ 80% ในปีที่ 25 ถ้าเป็น String Inverter โดยทั่วไป ในปีที่ 25 ไฟที่สูงที่สุดกับไฟที่ต่ำที่สุดที่ผลิตออกจากแผงโซลาร์เซลล์ในสตริง ๆ หนึ่งอาจจะแตกต่างกันมาก String Inverter จะทำงานโดยจับไฟจากตัวที่ผลิตต่ำที่สุด ซึ่งหมายความว่ายิ่งในช่วงปีหลัง ๆ จะทำให้ผลิตไฟได้น้อยมาก แต่ด้วย DC Optimized Solution ของ SolarEdge จะผลิตไฟได้มากกว่าเพราะมี Power Optimizer ที่ดึงพลังงานของแผงโซลาร์ให้ออกมาในรายแผง แล้วในอนาคตอีก 25 ปีข้างหน้า ค่าไฟอาจจะแพงกว่านี้มาก ทำให้ผลต่างของการผลิตไฟนั้นจะมีนัยยะในรูปตัวเงินมากกว่าในปัจจุบัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top