เงินบาทเปิด 32.84 แข็งค่าหลุด 32 ต่อเนื่อง คาดกรอบวันนี้ 32.70 – 33.00

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.84 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.93 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องจากเย็นวันศุกร์ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังตลาดกลับมากังวลเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสร้างรายได้เข้าประเทศกลับมาฟื้นตัวให้เห็นอย่างชัดเจน และมีการส่งออกทองคำ หลังราคาในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น

“บาทแข็งค่าจากเย็นวันศุกร์เร็วมาก เปิดตลาดเช้านี้เป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 10 เดือนนับจากมีนาคมปีที่แล้ว หลังได้รับปัจจัยหนุนจากดอลล์อ่อน ท่องเที่ยวฟื้น และการส่งออกทอง แต่ต้องระวังการเทขายบาทเพื่อทำกำไร”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.70 – 33.00 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (13 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.26184% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.53598%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 128.09 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 128.53 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0836 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0845 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.143 บาท/ดอลลาร์
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุปี 66 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลผลักดันเป้าหมายรายได้80% ของรายได้ปี 62 (3 ล้านล้านบาท) หรือตั้งเป้าอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวอยู่ที่ 25 ล้านคน (รวมนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน)
  • ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ 32.70-33.70 บาท/ดอลลาร์โดยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน,ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (13 ม.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อชะลอตัวลงในเดือนธ.ค. ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือนในวันศุกร์ (13 ม.ค.) และปิดเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลง และคาดว่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำปี 2565 รวมทั้งตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 4/2565 ของจีนในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจจีนปี 2565 ขยายตัวเพียง 2.8% ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ก็จะต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ที่ระดับ 5.5% และจะเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2519
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ม.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top