“สี จิ้นผิง” ยกความทันสมัยแบบจีน เหนือกว่าระบอบทุนนิยมแบบตะวันตก

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน (ภาพ: thaigov.go.th)

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนว่า จีนจำเป็นต้องสร้างหนทางสู่ความทันสมัยที่มีประสิทธิภาพมากกว่าระบอบทุนนิยม และต้องเสริมสร้างการปกป้องความยุติธรรมในสังคมให้ดียิ่งขึ้น

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายสีได้กล่าวต่อสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือโปลิตบูโร, คณะกรรมการกลาง รวมถึงผู้ว่าการมณฑลต่าง ๆ และบรรดารัฐมนตรี โดยระบุว่า “จีนต้องใช้การนวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศโดยรวม ซึ่งควรบรรลุผลสูงกว่าระบอบทุนนิยม ในขณะที่จีนยังคงรักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรมในสังคมโดยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั้น จีนก็ควรสร้างสมดุลและรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างมีประสิทธิภาพและยุติธรรมมากขึ้นด้วย”

“การก้าวไปสู่ความเป็นสมัยใหม่ในแบบของจีนได้ทำลายความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า ‘ความทันสมัยมีค่าเท่ากับการเป็นไปตามตะวันตก’ นอกจากนี้ ยังได้นำทางไปสู่การแก้ปัญหาแบบจีนเพื่อให้ประชาชนสามารถก้าวผ่านไปสู่ระบบสังคมที่ดียิ่งขึ้น ประสบการณ์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการก้าวไปสู่ความทันสมัยในแบบของจีนนั้นสามารถเป็นไปได้และมีความมั่นคง และเป็นหนทางเดียวที่ถูกต้องในการสร้างชาติให้เข้มแข็งและการฟื้นฟูประเทศชาติ” นายสีกล่าว

นายสียังกล่าวด้วยว่า หัวใจสำคัญของการบรรลุเป้าหมายนี้อยู่ที่การยึดมั่นในความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งนี่จะเป็นตัวตัดสินว่าจะเป็นความสำเร็จขั้นสูงสุดหรือเป็นความล้มเหลวในความพยายามของจีนในการพัฒนา ซึ่งในระยะสั้นนั้น จีนจำต้องปรับปรุงภาพรวมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในปีนี้ และจีนควรใช้ความพยายามมากขึ้นในการชี้นำองค์กรธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและสร้างเสถียรภาพให้เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม

นอกจากนี้แล้ว นายสีกล่าวว่า ประชาชนจำเป็นต้องร่วมมือกันในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 , การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการสร้างความสอดคล้องกันระหว่างการพัฒนาและความมั่นคง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ถ้อยแถลงของนายสีซึ่งสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจนั้น มีความคล้ายคลึงกับความเห็นของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งกล่าวในอีกวาระการประชุมในวันเดียวกัน โดยนายหลี่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จีนเพิ่มความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมกับกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในช่วงปลายปีที่แล้ว และมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในช่วงต้นปีนี้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.พ. 66)

Tags: , ,
Back to Top