นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.25 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับ เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 34.27 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุดเช้านี้ เงินบาทอยู่ที่ระดับ 34.21 บาท/ดอลลาร์ โดยเมื่อคืนนี้ ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ไว้มาก จึงทำให้ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุล และทำให้ตลาดมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงยังต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ไปอีกระยะ ขณะที่การปรับลดดอกเบี้ยของเฟด คาดว่าจะได้เห็นในปี 67
“วันนี้ คาดว่าบาทยังผันผวนไปในทิศทางที่อ่อนค่า ช่วงนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างดี นักลงทุนมองว่าเฟดคงขึ้น ดอกเบี้ยต่อไปอีก จึงทำให้ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ”
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.15 -34.40 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ระดับ 1.29382% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.58913%
ปัจจัยสำคัญ
– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 133.86 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 133.30/36 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0705 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0724/0731 ดอลลาร์/ยูโร
– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.084 บาท/ ดอลลาร์
– “อาคม” มั่นใจฐานะการคลังแกร่ง พร้อมรับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย ย้ำเหลือช่องให้กู้เงิน ได้อีกเพียบ ด้าน ‘แบงก์ ชาติ’ ส่งสัญญาณชัดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แม้เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวแต่ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย ขณะหอการค้า จี้รัฐเร่งโรดโชว์ทำ “เอฟที เอ” กับคู่ค้าเพิ่ม หวังช่วยหนุนส่งออกโต
– กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 3% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.8% หลังจากดิ่งลง 1.1% ในเดือนธ.ค.
– ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐทรงตัวในเดือนม.ค. หลังจากปรับตัวลง 1.0% ในเดือนธ.ค.
– ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) บ่งชี้ภาวะหดตัวติดต่อ กันเป็นเดือนที่ 3
– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (15 ก.พ.) หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
– นักลงทุนมองว่าความแข็งแกร่งของยอดค้าปลีก ประกอบกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ที่ออกมาสูงเกินคาด จะ ทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค., พ.ค. และมิ.ย. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดัง กล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค.
– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ในวันพุธ (15 ก.พ.) เนื่องจากการแข็งค่าของ ดอลลาร์และความกังวลเกี่ยวกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นปัจจัยกดดันตลาด
– ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัว เลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.จาก Conference Board
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.พ. 66)
Tags: ค่าเงินบาท, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท