เลือกตั้ง’66: 9 พรรคโชว์วิสัยทัศน์พัฒนาตลาดทุน-เก็บภาษีหุ้น

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO ) ทาบทามทีมเศรษฐกิจ 9 พรรคการเมือง ร่วมประชันนโยบายขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ภายใต้รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ

*พรรคชาติพัฒนากล้า

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค กล่าวถึง แนวนโยบายเศรษฐกิจของพรรคว่า จะเน้นส่งเสริมกลไกลตลาดที่นำไปสู่การแข่งขันที่โปร่งใสและเป็นธรรม นำสู่นโยบายที่เสนอรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจหลายๆเรื่อง ทั้งโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายพลังงานลดลง โดยเปิดให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า ซึ่งเทคโนโลยีเปิดให้ประชาชนเป็นผู้ผลิตได้ด้วย

ทั้งนี้ พรรคนำเสนอ รื้อโครงสร้างการประเมินความเสี่ยงของประชาชนในฐานะผู้กู้ ด้วยการยกเลิกแบล็คลิสต์ กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันในสถาบันการเงิน และนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยเสนอยุทธศาสตร์ 7 เฉดสี (Spectrum Economy) นำของดีและอยู่ในกระแสหลักของโลก แปรเป็นโอกาสสร้างรายได้ให้กับประชาชน และสร้างรายได้ให้กับประเทศ

นโยบายตลาดทุน

สำหรับนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว คือ สิ่งที่ต้องทำให้ดีขึ้น ประเภทหลากหลายสินค้า เปิดโอกาสให้ธุรกิจใหม่ๆเข้ามาในตลาดทุน ซึ่งพรรคมีนโยบายเฉดสีเทา เอาเรื่องธุรกิจใต้ดิน ธุรกิจสีเทามาอยู่ในแสงสว่างให้มากำกับดูแลได้ จำกัดบ่อนเถื่อน ดึงรายได้คนไทยที่ไปเล่นกาสิโนในเพื่อนบ้าน และสร้างรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวที่ไปเล่นที่อื่น และทำให้เป็นสินค้าใหม่ที่มีนัยยะให้กับตลาดทุนได้

ทั้งนี้ สัดส่วนนักลงทุน กองทุนในประเทศ ปัจจุบันมีสัดส่วน 7-8 % ต่อมูลค่าซื้อขายในแต่ละวัน ถือว่าน้อยเกินไป ซึ่งเรื่องกองทุนมีการเปลี่ยนนโยบายส่งเสริมการลงทุนระยะยาว จาก LTF มาเป็น SSF จึงต้องปรับเงื่อนไขระยะเวลาการลงทุน SSF ให้สั้นลง และทบทวนมาตรการภาษี เพื่อส่งเสริมให้มีการสร้างกลุ่มนักลงทุนที่เป็นสถาบันการเงินในประเทศ มาเป็นผู้คอยซื้อหุ้นเวลาต่างชาติขาย

*พรรคชาติไทยพัฒนา

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

นายสันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ กล่าวว่า พรรคจะเพิ่มโอกาสให้คนฐานราก เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน เช่น แหล่งเงินทุนเกษตรกรต้องเปลี่ยนจากกองทุนหมู่บ้านเป็นวิสาหกิจหมู่บ้าน และโอกาสสร้างรายได้เสริม ด้วยนโยบายคาร์บอนเครดิต

ส่วนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แทนที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่ต้องปรับปรุงเกษตรกรรมด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามา และปรับลำดับความสำคัญด้วยการนำเรื่องความเลื่อมล้ำมาพิจารณาก่อน มากกว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ

นโยบายตลาดทุน

สำหรับนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว คือ ต้องสังคายนากฏหมาย เอากฏหมายมาจัดหมวดหมู่แยกประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ และเรื่องกระบวนการบังคับใช้กฏหมาย

นายสันติ กล่าวว่า รัฐบาลเวลามองไปที่ตลาดทุน มองด้วยความไม่เข้าใจ จึงอยากให้ผู้บริหารเข้าใจกลไกตลาดทุน เพื่อออกนโยบายได้ถูกต้อง และอยากเห็นคนที่เข้าในตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น

แนวคิดภาษีซื้อขายหุ้นหากได้เป็นรัฐบาล

นายสันติ ยืนยันว่า หากพรรคชาติไทยพัฒนาได้เป็นรัฐบาลจะไม่เก็บภาษีหุ้น

*พรรครวมไทยสร้างชาติ

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กล่าวว่า พรรคมีแนวคิดหารายได้ 4 ล้านล้านบาท ใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยเน้นอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมา มีรถEV 35,000 คัน เป็นเบอร์ 2 ในเอเชียรองจากจีน ซึ่งเราจะรักษาฐานอุตสาหกรรมเดิมและเปลี่ยนเป็นฐาน EV เน้นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ

ส่วนเรื่องท่องเที่ยว ได้มีการออกมาตรการกระตุ้นชาวต่างชาติ มาพำนักในระยะยาว เราต้องเป็นHup ของดาต้า เซอร์วิส เซ็นเตอร์แล้ว เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาไทยแลนด์ 4.0 และนโยบายBCG จะเกิดบริษัทใหม่ๆขึ้นอีกมาก และช่วยกระจายรายได้ ซึ่งผลลัพย์ทำให้เกิดการจ้างงาน มากกว่า 1 ล้านคน ทำให้จีดีพีโตมากกว่า 20% ใน 2-3 ปีข้างหน้า

นโยบายตลาดทุน

สำหรับนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว คือ อยากเห็นกลไกตลาดหลักทรัพย์ช่วยให้นักลงทุนสามารถมีโปรดักส์ใหม่ๆ เช่น กองทุนใหม่ที่ช่วย SME หรือ กองทุนที่จะช่วยธุรกิจ BCG เพื่อเป็นทางเลือกผู้ออมเงินในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติม

สำหรับ กองทุน LTF ถ้านำมาประยุกต์ใช้ใหม่และให้ประโยน์กับบริษัทและประชาชนตัวเล็กๆ เพื่อจะได้มีกองทุน LTF ที่โฟกัสไปที่ SME จะเป็นแหล่งเงินทุนที่ให้ประชาชนเข้าร่วมในการเป็นเจ้าของในธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น และวันนี้ระบบนิเวศการเงินไทย เงินออมไปอยู่ที่ธนาคารหมด ทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ในการออมเงินมากขึ้น

ทั้งนี้ ทำให้ตลาดหลักทรัพย์มีความสมัยใหม่ขึ้น มีสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ถ้าเกิดขึ้นได้ จะสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งรัฐบาลทำแล้วในเรื่องแอปฯ เป๋าตังและสามารถต่อยอดได้เลย ซึ่ง สินทรัพย์ดิจิทัล จะช่วยการลงทุนในตัวหุ้นใช้ดิจิทัลบาท สามารถตรวจสอบได้ในอนาคต เพื่อความโปร่งใสมากขึ้น

แนวคิดภาษีซื้อขายหุ้นหากได้เป็นรัฐบาล

ม.ล.ชโยทิต กล่าวถึงภาษีเรื่องซื้อขายหุ้น แนวคิดภาษีที่จะเก็บเรื่องการเทรด คงไม่เป็นธรรม แต่มาเก็บภาษีเมื่อมีกำไรแล้ว โดยกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำเมื่อมีกำไรตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อให้คนที่มีรายได้มากเสียภาษี ซึ่งแนวคิดนี้ อยากนำเงินจากภาษีนี้ มาให้ความรู้นักลงทุน ให้เรื่องการฉ้อโกง หรือแชร์ลูกโซ่เพื่อให้นักลงทุนมีภูมิคุ้มกันและมีองค์ความรู้ในการลงทุน

ทั้งนี้ ม.ล.ชโยทิต กล่าวว่า หากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล จะเก็บภาษีกำไรขายหุ้น (Capital Gain Tax) แต่ไม่เก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้น (Transaction Tax)

*พรรคไทยสร้างไทย

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงนโบายของพรรคว่า จะเสนอการลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการสร้างพลังคนตัวเล็กให้เกิดความเข้มแข็ง ด้วยการแก้ไขกฏหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ 1,400 ฉบับ ลดการบังคับชั่วคราว โดยออกพ.ร.ก.เพียง 1 ฉบับ ต้องแก้หนี้ครัวเรือน เพราะมีประชาชนกว่า 3-4 ล้านคนที่เป็นหนี้เครดิตบูโรในช่วงโควิด-19 พรรคมีนโยบายให้ทุกคนหลุดจากเครดิตบูโรและทำธุรกิจต่อได้

ส่วนเรื่องรายได้ ต้องสร้างรายได้ ไม่ใช่นโยบายลดแลกแจกแถม ทำให้SME แข็งแรงให้ได้ ทำให้ทุกคนต้องเข้าระบบภาษี ต้องมีกองทุนช่วยเรื่องอินโนเวชั่นแก่ SME

นอกจากนี้ พรรคมีนโยบายสร้างความสุข ด้วยการตั้งใจปราบคอร์รัปชั่นในภาคธุรกิจ และเพิ่มโอกาสเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ลดเวลาเรียน 3 ปี เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าตลาดแรงงานได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี

นโยบายตลาดทุน

สำหรับนโยบายตลาดทุน ที่จะดำเนินการโดยเร็ว ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ

  1. ต้องดึงผู้ประกอบการรายเล็กๆเข้าสู่ตลาดทุนให้มากที่สุด การให้ความรู้กับผู้ประกอบดึงบริษัทเหล่านี้มาจัดเป็นกลุ่มก้อนที่สามารถผลักดันให้เติบโตได้ เพราะหลายผู้ประกอบ เมื่อเข้ามาตลาดหลักทรัพย์เจอนักปั่นหุ้น เจอนักลงทุนเทาๆเข้มมาสวมรอย ทำให้ตลาดหลักทรัพย์เสียหาย จึงต้องมีการให้ข้อมูลข่าวสารชัดเจน อย่าให้ความร่วมมือกับบริษัทสีเทาเหล่านี้
  2. ตัวนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายย่อย อยากได้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง ความโปร่งใสของข้อมูล การอำนวยความสะดวกให้นักลงทุน เพื่อจูงใจให้นักลงทุนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น
  3. ผลิตภัณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ต้องตามให้ทัน สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในตลาดสุขภาพและเรื่อง BCG รวมถึงตลาดคริปโตต้องตามให้ทัน
  4. ผู้กำกับ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรพย์ (ก.ล.ต.) หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องให้ความรู้กับบุคลากรกับผู้กำกับ เทคโนโลยีต้องทันสมัยและตามให้ทัน ต้องดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาให้ได้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนรายย่อย ต้องมอนิเตอร์ PE ไม่ให้เกินความเป็นจริง

แนวคิดภาษีซื้อขายหุ้นหากได้เป็นรัฐบาล

นายสุพันธุ์ ยืนยันว่า หากพรรคไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาลจะไม่เก็บภาษีหุ้นแน่นอน

*พรรคภูมิใจไทย

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพฯ กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่จะสร้างอนาคตให้เศรษฐกิจไทยในอีก 4 ปีข้างหน้าว่า ปัญหาหลักทุกอุตสาหกรรม คือ เรื่องหนี้สิน หากไม่แก้ไขจะเดินหน้าเศรษฐกิจไม่ได้ดังนั้นต้องปลดล็อคและผ่อนปรนภาระหนี้ แบ่งเบาภาระหนี้สินให้ได้ก่อน พรรคภูมิใจไทย จึงนำเสนอพักหนี้ ทั้งต้นและดอกเป็นเวลา 3 ปี เพืพ่อให้เวลาภาคธุรกิจได้ใช้เวลาปรับปรุงบริษัท และสามารถกลับมาชำระหนี้สินต่อไป ซึ่งเศรษฐกิจมหภาคก็จะเดินต่อไปได้

ส่วนเรื่องนโยบายประชานิยม ที่มีการให้ ลด แลก แจก แถม นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ถามว่าหลักการวันนี้เมื่อให้แล้วก็หมดไป โดยได้ยกตัวอย่าง การให้เงินคนไทยทุกคน 2000 บาท แต่ต้องทยอยผ่อนจ่ายกลับมา ธนาคารก็ไม่เป็นหนี้เสีย ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้ให้เปล่าและไม่หมดไป

นโยบายตลาดทุน

สำหรับนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว สิ่งสำคัญคือ เรื่องความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งมิติการผลักดันให้เกิดการลงทุน คือ ความเชื่อมั่นของประเทศ แต่มีหลายๆเรื่องๆติดข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาดทุน ซึ่งอยู่ที่ระเบียบข้อบังคับที่เกิดขึ้น นักลงทุน ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถแต่ติดขัดเรื่องกฏระเบียบ ทำให้สถานการณ์วันนี้ต้องพิจารณาปรับปรุงระเบียบอย่างไร

แนวคิดภาษีซื้อขายหุ้นหากได้เป็นรัฐบาล

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า หากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาลจะไม่เก็บภาษีหุ้นแน่นอน เพราะมูลค่าไม่เก็บขนาดนี้ ถ้าเก็บสภาพคล่องลดลง ผู้ประกอบการรายย่อยประมาณ 2 ล้านกว่าคนกระทบแน่ และเสถียรภาพทางการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดทุน

ทั้งนี้ เราต้องทำให้ไทยมีความน่าสนใจ มีความน่าเชื่อถือ และต้องมีการแก้กฏระเบียบ รัฐเป็นผู้สนับสนุนที่ดี ทำโครงการเม็กกะโปรเจคใหญ่หนึ่งเรื่อง เพื่อให้นักลงทุนเห็นว่า เมื่อเข้ามาลงทุนและสามารถต่อยอดได้ รวมถึงเรื่องอุตสาหกรรมดิจิทัลต้องเดินหน้าให้เร็ว

*พรรคพลังประชารัฐ

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมนโยบาย กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ที่สุดสำหรับรัฐบาลหน้า คือ การกระต้นให้ประชาชนปรับตัวหาจุดแข็งของตนเอง โดยแนวทางที่ 1 คือ ทำให้ประชาชนเข้มแข็งขึ้น โดยการลดรายจ่ายพลังงาน เวลานี้หลายพรรคมีนโยบายจะสนับสนุน ลดราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม ลดค่าไฟฟ้า แต่แนวคิดของทีมเศรษฐกิจของพรรคจะปฎิรูปโครงสร้างธุรกิจพลังงานครั้งใหญ่ ทำแบบครบวงจร คืนกำไรให้ประชาชน ให้สมดุลมากขึ้น

โจทย์สำคัญ คือทำอย่างไรเอาระบบไฟฟ้า มาสร้างพลังให้กับประชาชน แนวทางที่หนึ่ง ทำให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง ในเมืองคือ โซล่าร์รูฟท๊อป และหนึ่งอบต. หนึ่งโรงไฟฟ้า ถือว่า เป็นการปฏิวัติการผลิตไฟฟ้าครั้งใหญ่

นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทีมเศรษฐกิจพรรคมองถึงเรื่องการพัฒนามาตรฐาน ในด้านความปลอดภัยและด้านความน่าเชื่อถือ ไทยเป็นศูนย์อาเซียน ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

รวมทั้งการเครื่องมือทำกินให้ประชาชน ซึ่งตนได้เสนอพรรคให้รัฐบาลหน้าจัดสรรเงินทุนให้กับ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แต่ละแห่งปีละ 30 ล้านบาท ทุกปีต่อเนื่อง เป็นเวลา 5 ปี โดยคำนวณแล้วใช้วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้ชุมชนคิดโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานระดับนาโนที่เหมาะกับพื้นที่ตอบโจทย์เฉพาะของชุมชนนั้นๆ เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน หรือลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของชุมชน โดยวงเงินนี้จะมาจากการกู้ยอดใหม่ แต่จะเป็นหนี้สาธารณะที่ก่อให้เกิดรายได้ แตกต่างจาก 8 ปีที่ผ่านมา ตรงนี้จะเป็นวิธีกระจายอำนจสู่ท้องถิ่น ที่ดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นอกจากนี้ ในเรื่องของเศรษฐกิจดิจิทัลถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เช่น บิทคอยน์ ถือเป็นแนวทางในอนาคต ที่อยากให้ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย จัดเวทีเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องนี้

นโยบายตลาดทุน

สำหรับนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว คือ ทำอย่างไรให้ตลาดทุนทำงานร่วมกับรัฐบาลหน้าแก้ปัญหาโจทย์ใหญ่ๆของประเทศได้ อาทิ วิธีการแก้ปัญหาลูกหนี้ เพราะความสามารถชำระหนี้หายไปกับโควิด-19 กรณีพักหนี้ไม่ได้ให้โอกาสลูกหนี้ตั้งต้นใหม่อย่างแท้จริง วิธีการที่เหมาะสม คือ เจ้าหนีต้อง Hair Cut เอากำไรสะสมจากเจ้าหนี้ คืนให้กับลูกหนี้ ซึ่งเรื่องนี้ตลาดทุนอำนวยความสะดวกได้หรือไม่

สำหรับโครงการที่ประสบปัญหาและยื่นกู้จากสถานบันการเงิน ในความเห็นของตน ถ้าโครงการไหนเป็นการกู้ก่อนใหม่ แต่ไม่ใช้ไปชำระหนี้ก้อนเก่า และธนาคารให้ปล่อยกู้ได้ ตนอยากเสนอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันในสัดส่วนประมาณ 60-70% เป็นเวลา 1 ปี

อีกทั้ง อยากให้องค์กรตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ หรือ สถาบันการเงินต่างๆมาร่วมรัฐบาลตั้งกองทุน Start Up Fund เข้าไปร่วมกันลงทุนทำได้หรือไม่

แนวคิดเก็บภาษีซื้อขายหุ้นหากได้เป็นรัฐบาล

นายธีระชัย กล่าวว่า หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลเรื่องนี้พรรคยังไม่มีนโยบาย แต่ความเห็นส่วนตัวต้องเก็บจากภาษีขายหุ้น (Transaction Tax)

*พรรคก้าวไกล

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

นายวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อกล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจมหภาค มี 3 วิธีด้วยกัน คือ เศรษฐกิจที่รองรับทุกคน เศรษฐกิจที่เท่าเทียมเป็นธรรม และเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดด

  • ขั้นแรก Firm Ground เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่รองรับทุกคน เริ่มตั้งแต่สวัสดิการถ้วนหน้า ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยเด็กเล็ก การศึกษาฟรีถึงปวส. เบี้ยผู้สูงอายุ และ สร้างงานจากศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ดูแลระบบผู้ป่วยติดเตียง การสร้างแต้มต่อให้ SME
  • ขั้นสอง Fair Game เริ่มตั้งแต่กฎหมายแข่งขันการค้าฉบับใหม่ รวมทั้ง Regulatory Guillotine หรือกฎหมายล้าสมัย กฎหมายที่ผูกขาด สิ่งที่พรรคพูดมาตลอด คือ การปลดล็อคสุรา ที่จะสร้างโอกาสแปรรูปสินค้าเกษตรจำนวนมาก เช่น ไม่ใช่แค่ข้าวที่จะมาทำเป็นสุราได้ มังคุดสามารถทำเป็นเบียร์ได้ กระเจี๊ยบทำไวน์ได้ นี่คือโอกาสของการปลดล็อคการผูกขาดที่เอาไปส่งออกได้ด้วย

หรือแม้กระทั่งการทะลายทุนผูกขาดเพื่อลดค่าครองชีพ อย่างลดค่าไฟ ที่เราเสนอคือ ลดค่าไฟได้ 70 สต.ต่อหน่วยภายใน 1 ปี เพียงแค่ประเทศไทยเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติ และเห็นด้วยกับการเปิดเสรีธุรกิจไฟฟ้า

ต่อมาเป็นเรื่องของการปฎิรูปภาครัฐ และเรื่องการกระจายอำนาจ คือ ปลดล็อคท้องถิ่น ให้ยึดที่ประโยชน์ประชาชน ไม่ใช่แค่ยึดระเบียบราชการ กระจายงาน เงิน คน ไปทุกจังหวัด ระเบิดพลังศักยภาพของท้องถิ่นออกมา

  • ขั้นที่ 3 คือ Forward Growth คือพัฒนาเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดด โดยเสนอจาก Made in Thailand เป็น Made with Thailand คือ ไม่ใช่แค่ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนผลิตในไทยอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มคิดเป็น เชิงยุทธศาสตร์ว่า เราจะเอาธุรกิจของไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนของโลกได้อย่างไร

นโยบายตลาดทุน

สำหรับนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว คือ เพิ่มการลงทุน SME ขนาดกลาง ด้วยนโยบายหวยใบเสร็จ ทำให้มีแต้มต่อสู้กับรายใหญ่ได้ โดยหากใน 4 ปีสามารถสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ 1 ล้านราย และน่าจะมีประมาณ 10% หรือ 1 แสนรายที่จะเติบโตเข้ามาลงทุนในตลาดทุนได้

รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนนักลงทุนในประเทศ คือ เรื่อง Data Economy สามารถแนะนำให้เห็นความสำคัญในการลงทุนได้ และเพิ่มให้นักลงทุนรู้จักการออมมากขึ้น

ส่วนเรื่องความยั่งยืน พรรคมีนโยบายเรื่อง Net Zero เสนอปลดล็อกธุรกิจ เปิดเสรีธุรกิจไฟฟ้า การปล่อยคาร์บอนลดลง เรื่องต้นไม้ปลดหนี้

แนวคิดเก็บภาษีซื้อขายหุ้นหากได้เป็นรัฐบาล

นายวรภพ กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะเก็บภาษีกำไรขายหุ้น (Capital Gain Tax) แต่ไม่เก็บภาษีขายหุ้น(Transaction Tax)

*พรรคประชาธิปัตย์

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานนโยบายพรรค กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจระดับมหภาค ต้องไม่สร้างหนี้สาธารณะ ไม่เป็นภาระต่องบประมาณมากเกินไป และให้แต้มต่อรายเล็กรายใหญ่ โดยใส่เงินในระดับรากหญ้า ใส่เงินในรูปแบบธนาคารหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท วงเงินรวมไม่เกิน 2 แสนล้านบาท และเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและ กบข. มีเงินไม่ต่ำกว่า 2.6 ล้านล้านบาท มีผู้เกี่ยวข้อง 4 ล้านกว่าคน โดยพรรคจะปลดล็อก ให้ข้าราชการ 1.2 ล้านคน และเจ้าของเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3 ล้านคน เอาเงินก้อนหนี้ไปซื้อบ้าน ไปวางดาวน์บ้าน ไปลดหนี้บ้าน ซึ่งเงินก้อนนี้มี 3 แสนล้านไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ทั้งนี้ พบว่า มีเงินนอกงบประมาณ 3 แสนกว่าล้าน ต้องเปิดช่องให้ไปลงทุนใน SME ได้ ด้วยให้ธนาคารชักชวนให้ SME เพิ่มทุน ถ้ารวมแล้ว 1 ล้านล้านบ้านจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนได้ และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งให้รองรับกับประชาชน

นโยบายตลาดทุน

นายพิสิฐ กล่าวถึงนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว คือ เรื่องภาษี ภาครัฐและกระทรวงการคลัง หากจะมีการกำหนดภาษีใดๆต้องมีวิธีคิดให้ชัดเจนกว่านี้

เรื่องเทคโนโลยี กฏหมายบริษัทมหาชน สามารถเปิดประชุมออนไลน์ได้ซึ่งปีนี้ปีแรก บริษัทมหาชนประชุมได้กับผู้ถือหุ้น สิ่งที่อยากทำต่อ คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้ตลาดทุนมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่

และเรื่องการดูแลผู้ถือหุ้นรายย่อย การเอาผิดอินไซเดอร์ กฏหมายต้องแก้ไขให้กระชับขึ้น

แนวคิดเก็บภาษีซื้อขายหุ้นหากได้เป็นรัฐบาล

นายพิสิฐ กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล จะดูแลเรื่องการเก็บภาษีหุ้นเป็นอย่างดี ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และแนวโน้มคงไม่อยากจะเก็บภาษี

*พรรคเพื่อไทย

นโยบายเศรษฐกิจมหภาค

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการ กล่าวว่า พรรคเสนอการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งพรรคประกาศนโยบายดิจิทัลวอลเลตเป็นของตัวเอง ด้วยระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ ด้วยการให้ประชาชนอายุ 16 ปีทุกคน มีเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง และใช้ให้เงินให้ใน 6 เดือน ภายในรัศมี 4 กิโลเมตร ถือเป็นยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว คือ กระตุ้นให้คน 16 ปี ทุกคนเริ่มใช้ดิจิทัลวอลเลต และถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ กระตุ้นพร้อมกันทั่วประเทศและเกิดในทุกๆหมู่บ้าน

นโยบายตลาดทุน

สำหรับนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว คือ การสร้างจุดเด่น ประเทศไทยมีจุดเด่นภาคบริการและท่องเที่ยว ซึ่งมีสัดส่วนจีดีพีที่สูง แต่มีสัดส่วนที่ต่ำมาร์เกตแคปในตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนให้เห็นว่า ยังไม่ใช่กลไกการระดมทุนที่ดีพอ จึงต้องทำให้เป็นหัวหอกในการพัฒนาประเทศมากขึ้น

การสร้างกลไก ที่ติดกับดักพัฒนาคุณภาพตลาดหลักทรัพย์ต้องมีการแก้ไข ด้วยการผลักดันให้นักลงทุนรายย่อย ลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น ซึ่งกองทุนรวมต้องมีความแข็งแกร่งมากขึ้นผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐ เรื่องภาษี เรื่องกฏหมายต่างๆ

ส่วนการเข้าถึง ต้องมีดึงทุนนอกเข้ามาระดมทุนในไทย และทำให้ SME รายย่อย สามารถระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้

แนวคิดเก็บภาษีซื้อขายหุ้นหากได้เป็นรัฐบาล

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะเรียกคุยสองฝ่ายระดมความคิดเห็น แล้วตัดสินอีกที แต่จะไม่เก็บภาษีกำไรขายหุ้น (Capital Gains Tax) และภาษีคริปโท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มี.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top