ธนจิรา รีเทลฯ เจ้าของแบรนด์ HARNN ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 77.50 ล้านหุ้น-เข้า SET ใช้ขยายธุรกิจ-คืนหนี้

บมจ.ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 77,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดลหักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

วัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจ , ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน รวมทั้งใช้ชำระคืนภาระหนี้อื่นที่กลุ่มบริษัทฯ อาจมีขึ้นในอนาคต และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ

TRC ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น โดยนำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาจำหน่ายในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ (1) แบรนด์แพนดอร่า (Pandora) : เครื่องประดับเงินชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก (2) แบรนด์มารีเมกโกะ (Marimekko) : สินค้าไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นด้านลายพิมพ์และสีสันจากประเทศฟินแลนด์ และ (3) แบรนด์แคท คิดสตัน (Cath Kidston) : สินค้าไลฟ์สไตล์กลิ่นอายโมเดิร์นวินเทจจากประเทศอังกฤษ รวมถึงการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Cath Kidston ในประเทศเวียดนาม

นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของแบรนด์กลุ่มหาญ (HARNN) ซึ่งประกอบด้วย (1) แบรนด์ HARNN : สินค้าบอดี้แคร์ สกินแคร์ สปา และอโรมาเทอราพี และ (2) แบรนด์วุฒิ (Vuudh) : สินค้าเครื่องหอมสไตล์ไทยร่วมสมัย รวมทั้งได้ขยายไปยังธุรกิจสปาภายใต้ (3) หาญเวลเนส แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ (HARNN Wellness & Hospitality) เน้นธุรกิจแฟรนไชส์สปาในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยปัจจุบันประกอบด้วย 4 แบรนด์ย่อย ได้แก่ (3.1) หาญ เฮอริเทจ สปา (HARNN Heritage Spa) (3.2) บาย หาญ (by HARNN) (3.3) เดอะสปา บาย หาญ (The Spa by HARNN) และ (3.4) เอสเคป บาย หาญ (SCape by HARNN) ซึ่งแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกันตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 กลุ่มบริษัทมีแบรนด์สินค้าภายใต้การดำเนินงาน 5 แบรนด์ และมีแบรนด์ธุรกิจสปา 4 แบรนด์ โดยมีสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ 133 สาขา แบ่งออกเป็นสาขาที่กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของ 128 สาขา และแฟรนไชส์ 13 สาขา รวมทั้งะการจำหน่ายผ่านออนไลน์ นอกจากนี้ ยังประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อ Marimekko pop-up cafe และ Cath Kidston Tearoom

บริษัทมีเป้าหมายจะพัฒนาแฟลตฟอร์ม Omni-channel เพื่อเพิ่มความสามารถในการเติบโตของกำไร ประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการเติบโตในอนาคต โดยจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้เป็น 15% ภายในปี 67 จาก 12.88% ในปี 65 และจะขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายสาขาในประเทศและต่างประเทศในพื้นที่ที่มีศักยภาพ

ขณะเดียวกันจะเพิ่มการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม (Same Store Sales Growth) ด้วยการออก Collection สินค้าใหม่ๆ และการทำ Visual Merchandising ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มยอดซื้อต่อบิลผ่านการใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น Co-Branding กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น Marimekko x Adidas จับมือระหว่างสองแบรนด์ทำเสื้อผ้าสายสปอร์ต เป็นต้น

นอกจากนั้น จะนำเสนอแบรนด์ผลิตภัณฑ์ใหม่หรือขยายสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องนอกจากการขยายสาขาภายใต้แบรนด์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ มีแผนในการขยายแบรนด์สินค้าใหม่ๆ เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอให้แข็งแกร่ง ด่านการเป็นผู้จัดจำหน่ายให้กับแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ เข้าควบรวมกิจการ หรือจัดตั้งแบรนด์สินค้าใหม่ของกลุ่มบริษัทฯ เอง เน้นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ Premium Mass ขึ้นไป เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก มีจุดเด่นและศักยภาพในการเติบโต

โครงสร้างผู้ถือหุ้นของกลุ่มบริษัทฯ ณ วันที่ 26 เม.ย.66 มีนายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ถือหุ้นในสัดส่วน 99.98% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 74.15%

สำหรับผลประกอบการในปี 63-65 บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 911.39 ล้านบาท 764.87 ล้านบาท และ 1,257.50 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์ Pandora คิดเป็นสัดส่วน 50.11-50.81%

กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 496.85 ล้านบาท 413.82 ล้านบาท และ 756.98 ล้านบาท ตามลำดับ 5 ส่วนกำไร (ขาดทุน) สุทธิเท่ากับ 12.07 ล้านบาท (34.63) ล้านบาท และ 122.10 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.31% , -4.42% และ 9.48% ของรายได้รวม ตามลำดับ

ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 กลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 1,866.04 ล้านบาท ตามลำดับ หนี้สินรวม 1,540.91 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวมเท่ากับ 325.13 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top