บมจ. จีเอเบิล (GABLE) เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 175 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 6.39 บาท เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วันที่ 9 พ.ค. นี้
GABLE ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล มุ่งเน้นกลุ่มโซลูชั่นระดับองค์กร (Enterprise Solution and Services) ครอบคลุมเทคโนโลยีสำคัญในโลกยุคดิจิทัล ประกอบด้วย
1. โซลูชั่นด้านระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Solution)
2. โซลูชั่นด้านระบบคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ (Cloud and Data Center Modernization Solution)
3. โซลูชั่นด้านระบบจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ (Data and Analytics Solution)
4. โซลูชั่นด้านธุรกิจดิจิทัล (Digital Business and Application Solution)
5. โซลูชั่นด้านการบริหารจัดการระบบสารสนเทศ (Managed Tech Services Solution)
นายชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GABLE เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ และลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้และกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้ มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
“เราต้องการขายพอร์ตต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) ปัจจุบันเรามี 5 โซลูชั่นสำคัญ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจึงต้องมีโซลูชั่นใหม่ ๆ เติมพอร์ตสม่ำเสมอ นี่คือแผนที่เราพร้อมเดินหน้าทันที”
นายชัยยุทธ กล่าว
ในยุคที่ทุกคนกำลังก้าวไปสู่ยุคดิจิทัล บริษัทมองเห็นถึงการเพิ่มศักยภาพในการเพิ่มบุคลากร ควบคู่การพัฒนาแพลตฟอร์มของบริษัทเองมากขึ้น เพื่อการเติบโตตามกลยุทธ์พัฒนาซอฟท์แวร์ของตนเองและ การเพิ่มศักยภาพในธุรกิจใหม่ ๆ ต่อไป
“การมี IT Professionals มากกว่า 1,000 คน ทำให้สามารถรองรับโปรเจกต์จำนวนมาก และในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 30,000 โปรเจ็กต์ พร้อมนำขุมพลังทางเทคโนโลยี มาต่อยอดในการเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าในเรื่องไอทีอย่างครอบคลุมทุกมิติ อีกทั้งเรายังมีโซลูชั่นตอบโจทย์ลูกค้าที่ครบวงจร และมีลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนมาก หลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่มีการลงทุนในด้านไอทีค่อนข้างสูง จะเป็นโอกาสที่เราขยายในอนาคต”
นายชัยยุทธ ยังกล่าวว่า กว่า 33 ปีที่ผ่านมา GABLE เป็นบริษัทที่มีทิศทางการเติบโตของกำไรสุทธิมาอย่างต่อเนื่อง จากการมีสัดส่วนรายได้แบบ Recurring income อยู่ในระดับสูงกว่า 50% เพราะลูกค้าไว้วางใจใช้บริการต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 65 มี Backlog ในมือที่รอพัฒนาราว 4,100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 2,900 ล้านบาท สะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแรง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 66)
