ทำเนียบขาวยืนยัน “ไบเดน-แมคคาร์ธี” เตรียมเจรจาเพดานหนี้รอบใหม่วันนี้

ภาพ: รอยเตอร์

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะกลับมาเจรจาเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้อีกครั้งในวันจันทร์ (22 พ.ค.) หลังจากทั้งสองฝ่ายมีการหารือกันอย่างสร้างสรรค์ทางโทรศัพท์ภายหลังจากที่ปธน.ไบเดนเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุม G7 ที่ประเทศญี่ปุ่น

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายแมคคาร์ธีเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การหารือทางโทรศัพท์ร่วมกับปธน.ไบเดนในวันอาทิตย์ (21 พ.ค.) เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ โดยทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกันคือหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเขามีความหวังมากขึ้นหรือไม่หลังจากการพูดคุยทางโทรศัพท์กับปธน.ไบเดน นายแมคคาร์ธีกล่าวว่า “แน่นอน ผมมีความหวังมากขึ้น ทีมงานของเรามีการพูดคุยกันในวันอาทิตย์ และเราจะจัดการเจรจาต่อเนื่องในวันจันทร์ ซึ่งผมคาดหวังว่าผลการเจรจาจะออกมาดีกว่าก่อนหน้านี้

ทางด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ปธน.ไบเดน และนายแมคคาร์ธีจะเจรจาร่วมกันอีกครั้งในวันนี้ แต่ไม่ได้ระบุเวลาที่ชัดเจน พร้อมกับเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่จากฝั่งทำเนียบขาวและเจ้าหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรได้มีการหารือกันที่สำนักงานของนายแมคคาร์ธีในวันอาทิตย์ ภายหลังจากที่ปธน.ไบเดนเสร็จสิ้นการหารือทางโทรศัพท์กับนายแมคคาร์ธี

รายงานระบุว่า ก่อนที่ปธน.ไบเดนจะเดินทางไปเข้าร่วมประชุม G7 ที่ญี่ปุ่นนั้น เขาได้แสดงความเต็มใจที่จะทำตามข้อแลกเปลี่ยนของสภาผู้แทนราษฎร ด้วยการลดการใช้จ่ายของรัฐบาล ควบคู่ไปกับการปรับมาตรการภาษี เพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มเพดานหนี้ แต่ปธน.ไบเดนกล่าวว่า ข้อเสนอครั้งหลังสุดจากพรรครีพับลิกันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) การเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐประสบภาวะชะงักงัน โดยคณะเจรจาของพรรครีพับลิกันประกาศยุติการเจรจาชั่วคราว เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกัน

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการขยายเพดานหนี้

ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top