รัฐบาลพร้อมรับมือผลกระทบเอลนีโญ บริหารน้ำเชิงรุกให้สอดคล้องสถานการณ์

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนบริหารจัดการน้ำในเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) อย่างใกล้ชิด

นายอนุชา กล่าวว่า หน่วยงานของรัฐบาล บูรณาการการทำงานร่วมกัน ติดตามสถานการณ์น้ำ และเตรียมรับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 66 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ติดตามผลการดำเนินงานมาตรการรับมือฤดูแล้ง และหารือถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสภาพอากาศ

รวมทั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ยังได้เตรียมแผนปฏิบัติการในการรองรับไว้ล่วงหน้า ก่อนเข้าสู่ฤดูฝน อาทิ คาดการณ์เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงฝนทิ้งช่วง, บริหารจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำ เพื่อรองรับน้ำหลาก, ทบทวนปรับปรุงเกณฑ์ บริหารจัดการในแหล่งน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเชิงบูรณาการ, เตรียมความพร้อม ซ่อมแซม ปรับปรุง อาคารชลประทาน ระบบระบายน้ำ โทรมาตร ให้พร้อมใช้งาน, เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของทางน้ำ, ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ, ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัย และฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพปกติ รวมถึงเร่งเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำทุกประเภทช่วงปลายฤดูฝน เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในฤดูแล้งในปีต่อไปด้วยเช่นกัน

นายอนุชา กล่าวว่า ในเดือนพ.ค. 66 กรมชลประทาน ได้ประชุมหารือถึงการวางแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้ง พร้อมวางแนวทางรับมือฤดูฝนปี 2566 โดยจะติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พร้อมเน้นย้ำให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ขับเคลื่อน 10 มาตรการรับมือฤดูแล้งปี 2565/2566 และการปฏิบัติตาม 12 มาตรการฤดูฝนปี 2566

รวมทั้งเตรียมรับมืออุทกภัย ผ่านการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ โดยจะกำหนดผู้รับผิดชอบพื้นที่เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันติดตามสถานการณ์น้ำและประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชน ตลอดจนจัดสรรทรัพยากร เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และอื่นๆ ที่ประจำอยู่ทั่วประเทศ ให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าขยายแหล่งน้ำ และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ พร้อมกำชับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กรมชลประทาน รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการรับฟังปัญหา และความต้องการของประชาชน โดยรวบรวมข้อมูล จัดทำแผนพัฒนาแหล่งน้ำ และบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วม พร้อมทั้งแสวงหาแผนพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม เป็นแหล่งน้ำสำรอง เพื่อจัดสรรกระจายการใช้น้ำอย่างทั่วถึงและลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 66)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top