SA มั่นใจ H2 โตแกร่งรับยอดโอนคอนโด Landmark@MRTA-แนวราบ 3 แห่งดันทั้งปีได้ตามเป้า

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 66 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทวางแผนโอนโครงการ Landmark @ MRTA Station โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) จากโครงการนี้ 4.7 พันล้านบาท คาดเตรียมทยอยโอนภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ราว 1.5 พันล้านบาท ประกอบกับมีโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่เตรียมทยอยโอนอีก 3 โครงการ ทำให้ยอดโอนในปี 66 เป็นไปตามเป้าหมาย 5.5 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มโครงการ Ready to move และกลุ่มธุรกิจบริการอื่นๆ ได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มร้านอาหาร กลุ่ม wellness กลุ่ม AMC ที่คาดว่ามีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดดำเนินการโรงแรมแห่งใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจำนวน 1 แห่ง ได้แก่ Tribe Living Bangkok Sukhumvit 39 ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลคุณภาพอีกด้วย

“SA มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูงอยู่ระหว่างการพัฒนา (Under Development)ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท และปัจจุบันมี Backlog มูลค่ารวม 7 พันล้านบาท ซึ่งจากโครงการที่เราดำเนินการอยู่นี้ ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 6 พันล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 130% จากปีก่อน และสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

ส่วนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจบริษัทยังคงแผนปรับสัดส่วนโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวสูงและแนวราบ เป็นสัดส่วน 50:50 ให้สำเร็จภายใน 3 ปีเพื่อสร้างสมดุลรายได้ และกระจายความเสี่ยงจากการรับรู้รายได้จากโครงการแนวสูงเพียงอย่างเดียว พร้อมกันนี้บริษัทวางแผนขยายกิจการพอร์ตโรงแรมและร้านอาหารอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างรายได้ประจำเข้ามาอีกช่องทาง

ขณะเดียวกันบริษัทได้รับรางวัล EDGE Champion มาตรฐานการรับรองอาคารระดับโลก จากสถาบัน IFC (International Finance Corporation: IFC) สถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลก (The World Bank Group) มีวัตถุประสงค์การดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่มีส่วนเกื้อหนุนต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่ง SA เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับมาตรฐานนี้ครั้งแรกในประเทศไทย

ทั้งนี้ EDGE Champion เป็นมาตรฐานอาคารเขียวและการวัดผลการก่อสร้างอย่างยั่งยืน เป็นนวัตกรรมในการรับรองมาตรฐานความเป็นเลิศในการออกแบบอาคาร สำหรับตลาดเกิดใหม่ของบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มธนาคารโลกคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นรางวัลระดับองค์กรอย่างถาวร โดยองค์กรให้คำมั่นว่าจะพัฒนาโครงการโดยมี Edge รับรองผลงานการก่อสร้าง 80% หรือมากกว่านั้นของโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ โดยมุ่งเน้นการประหยัดพลังงานใน 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ การใช้พลังงาน (Energy Efficiency) การใช้น้ำ (Water Efficiency) และการใช้วัสดุก่อสร้างอาคาร (Material Efficiency)

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้รับมอบประกาศนียบัตร “ESG100 Company ปี 2566” จากสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG นับตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งมอบให้กับบริษัทฯ ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG)

“ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน น้ำ และลดการใช้พลังงานในการผลิตวัสดุก่อสร้าง เลือกใช้ Materials ที่ช่วยลดผลกระทบจากคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืนและการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยที่เป็นอาคารสีเขียว ซึ่งในอนาคตอาคารประหยัดพลังงานจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นเมื่อเทียบกับอาคารทั่วไป สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดการเช่าและขายอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างดี” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 66)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top