นาโตส่อแววยืดวาระ “เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก” นั่งแท่นเลขาธิการต่อ

เหล่าผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต (NATO) กำลังมีความคิดเห็นเอนเอียงไปที่การขยายวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการนาโตให้กับนายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก ในขณะที่มีมุมมองเชิงลบเพิ่มมากขึ้นว่า นาโตอาจจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคลที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากนายสโตลเทนเบิร์กในการประชุมสุดยอดที่ประเทศลิทัวเนียในเดือนหน้า

นายสโตลเทนเบิร์กดำรงตำแหน่งเลขาธิการนาโตมาตั้งแต่เดือนต.ค. 2557 โดยเขาได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า ตนเองไม่มีความตั้งใจที่จะดิ้นรนเพื่ออยู่ในตำแหน่งต่อไป แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าจะไม่ดำรงตำแหน่งต่อเช่นกัน

นักการทูตอาวุโสจากชาติตะวันตกรายหนึ่ง ซึ่งได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้เกี่ยวกับการต่อวาระเลขาธิการร่วมกับนายสโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่า “เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยด้านความต่อเนื่องแล้วก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เขาน่าจะรับตำแหน่งต่อ เขาเป็นชายที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่”

สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า การหารือกันอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับการหาผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากนายสโตลเทนเบิร์ก ซึ่งจะพ้นวาระในเดือนต.ค. ปีนี้ มีขึ้นในช่วงเวลาที่นาโตกำลังเผชิญกับบททดสอบ โดยรัสเซียกำลังแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อประเทศแถบตะวันตกมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้เข้ายึดครองดินแดนของยูเครนไปแล้วประมาณ 1 ใน 5 นอกจากนี้ ยังมีความแตกแยกภายในนาโตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคตของยูเครนกับนาโต และจีนที่กำลังผงาดขึ้นมาในฐานะมหาอำนาจทางทหารระดับโลก

แหล่งข่าว ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหารือดังกล่าวเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ว่า ฉากหลังที่ซับซ้อนและความยากลำบากในการหาผู้สืบทอดตำแหน่งที่น่าพึงพอใจสำหรับสมาชิกทั้ง 31 ชาติ เป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจากับนายสโตลเทนเบิร์ก เพื่อให้เขาอยู่ในวาระต่อไปเป็นครั้งที่ 4 เพื่อเป็นการประนีประนอมในระยะสั้น และชะลอการตัดสินใจเกี่ยวกับการเฟ้นหาผู้สืบทอดออกไปถึงปีหน้า

รัฐมนตรีต่างประเทศรายหนึ่งของนาโตระบุว่า “นายสโตลเทนเบิร์กทำหน้าที่เลขาธิการได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างความสั่นสะเทือนในตอนนี้”

รายงานระบุว่า สหรัฐมีอำนาจสูงสุดในนาโต และชาวอเมริกันมักจะทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารของนาโต ดังนั้น ตำแหน่งเลขาธิการจึงมักมาจากประเทศสมาชิกในยุโรป

ทั้งนี้ ทางเลือกในการขยายวาระให้กับนายสโตลเทนเบิร์กเกิดขึ้นหลังจากการเสนอชื่อนางเมตต์ เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก และนายเบน วอลเลซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอังกฤษขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการนาโตสมัยหน้านั้นประสบความล้มเหลวในการคว้าเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มิ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top