“เยลเลน” วอนจีนปฏิรูปตลาด พร้อมแสดงความวิตกเรื่องจีนคุมส่งออกโลหะชิป

นางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดฉากเยือนจีน 4 วันในวันนี้ (7 ก.ค.) ด้วยการเรียกร้องให้จีนปฏิรูปตลาด พร้อมเตือนว่า สหรัฐและพันธมิตรจะตอบโต้ต่อสิ่งที่นางเยลเลนเรียกว่าเป็น “พฤติกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่เหมาะสม”

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางเยลเลนแสดงความคิดเห็นดังกล่าวในการประชุมร่วมกับกลุ่มบริษัทสหรัฐที่ทำธุรกิจในจีน หลังเสร็จสิ้นการประชุมในช่วงเช้าวันนี้กับนายหลิว เหอ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจและอดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นคนสนิทของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน นอกจากนี้ นางเยลเลนมีกำหนดพบปะกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนในวันเดียวกัน

ขณะเดียวกัน นางเยลเลนได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับกรณีที่จีนออกมาตรการจำกัดการส่งออกโลหะชิปผ่านสุนทรพจน์ที่ร่างไว้สำหรับกล่าวกับกลุ่มธุรกิจสหรัฐในจีน “ดิฉันวิตกกังวลเกี่ยวกับกรณีที่จีนเพิ่งออกมาตรการควบคุมการส่งออกโลหะสำคัญที่ใช้ในเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์”

“เรายังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการประเมินผลกระทบจากการดำเนินการครั้งนี้ แต่กรณีดังกล่าวย้ำเตือนให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความคล่องตัวและความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน” นางเยลเลนกล่าว

กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 3 ก.ค. ว่า บริษัทในจีนที่ต้องการส่งออกโลหะ 2 ชนิดที่สำคัญได้แก่ กัลเลียม (Gallium) และเจอร์มาเนียม (Germanium) จะต้องยื่นขอใบอนุญาตนับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.

การเดินทางเยือนจีนของนางเยลเลนมีวัตถุประสงค์เพื่อลดทอนความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน หลังกองทัพสหรัฐเพิ่งยิงบอลลูนสอดแนมของรัฐบาลจีนที่ลอยเหนือน่านฟ้าสหรัฐไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเพิ่งเดินทางเยือนจีนในเดือนมิ.ย.และเห็นพ้องกับปธน.สีว่าไม่ควรโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ส่วนนายจอห์น เคอร์รี นักการทูตด้านสภาพภูมิอากาศของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเดินทางเยือนจีนในช่วงต่อไปของเดือนนี้

การที่สหรัฐเร่งผลักดันทางการทูตกับจีนนั้น มีขึ้นก่อนที่ปธน.ไบเดนและปธน.สีอาจพบปะกันที่การประชุมสุดยอด G20 ณ กรุงนิวเดลีเมืองหลวงของอินเดีย ในเดือนก.ย. หรือที่การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่มีกำหนดจัดขึ้นที่เมืองซานฟรานซิสโกของสหรัฐในเดือนพ.ย.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top