III ปรับกลยุทธ์เร่งโตเพิ่มแหล่งรายได้รุกธุรกิจใหม่ผ่าน M&A และ JV แย้มดีลกันอยู่

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยถึงกลยุทธ์ Logistics and Beyond ของบริษัทฯ ว่า บริษัทมุ่งเน้นขยายบริการและลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาค เพื่อเป็นการขยายแหล่งรายได้ พื้นที่การทำธุรกิจ และรับรู้กำไรจากธุรกิจใหม่ ที่สามารถต่อยอดธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์ในทุกมิติ ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจได้เป็นอย่างดี

“การปรับเปลี่ยนโมเดลการทำธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Logistics and Beyond คือการทำอะไรที่นอกเหนือจาก Logistics แบบเดิมๆ มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคและเติบโตจากการเข้าไปลงทุนใหม่ๆ ทั้งผ่านการซื้อกิจการ ขยายการร่วมลงทุนกับพันธมิตรธุรกิจ ทำให้บริษัทได้ผลตอบแทนจากการลงทุนกลับเข้ามา”

ทั้งนี้แผนการเติบโตบริษัท ทั้งการลงทุนเพื่อควบรวมกิจการ (M&A) และร่วมทุนกิจการร่วมค้า (JV) บริษัทอยู่ในระหว่างการพูดคุยเจรจา รวมถึงในช่วงไตรมาส 4/66 จะเปิดตัวบริการที่เรียกว่า Same Day Asia คือบริการส่งสินค้าภายในภูมิภาคได้ภายในวันเดียว โดยจะมีศูนย์การให้บริการหลักที่ประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นประเทศเริ่มต้นและจะขับเคลื่อนในเอเชีย

นอกจากนี้ จากการที่มีข่าวว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณาโครงการให้สิทธิ์ผู้ประกอบการบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ รายที่ 3 ซึ่งถ้าบมจ.บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย (AOTGA) ชนะการประมูลก็จะส่งผลดีต่อการเติบโตในระยะยาว ซึ่งเชื่อว่าระยะเวลาสัมปทานไม่ต่ำกว่า 25 ปีทำให้การเติบโตของบริษัทยั่งยืนมากขึ้น

ความคืบหน้าของการนำบมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทริพเพิล ไอ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งและในส่วนของประเทศไทย นายทิพย์ คาดว่ายังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิมคือ ภายในไตรมาสที่ 4/66 ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่จดทะเบียนในตลาดฯ ซึ่งเมื่อเข้าตลาดมีแผนจะขยายไปต่างประเทศมากขึ้นในญี่ปุ่น อินเดีย หรือเกาหลีใต้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเติบโตได้มากขึ้น

มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง เป้ากำไรสุทธิปี 66 โต 40-50%

 

นายวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน III ระบุว่าช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 66 เติบโต 40-50% เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจโลจิสติกส์ปริมาณการขนส่งจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งจากการคาดการณ์ว่า ค่าระวางขนส่งสินค้าทั้งทางทะเลและอากาศ จะมีการลดลงแต่ผลกระทบจะน้อยลงกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากครี่งปีแรกของปีก่อนค่าระวางยังอยู่ในระดับที่สูงมาก

ขณะที่ธุรกิจที่บริษัทได้ร่วมลงทุนใน บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) มีผลการดำเนินงานที่ดี โดยเฉพาะบมจ.บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย (AOTGA) ซึ่งบริษัทได้ลงทุนผ่านบมจ.เอสเอแอล กรุ๊ป (SAL) โดยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น คาดว่าจะมีสินค้านำเข้าและสินค้าส่งออกมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็จะส่งผลช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ธุรกิจคลังสินค้าที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผลประกอบการธุรกิจคลังสินค้าขาดทุน ตอนนี้เริ่มมีสินค้าเข้ามา 2,500 ตันต่อเดือน จากไตรมาส 4/65 ที่มีจำนวนสินค้าเข้ามาเดือนละประมาณ 1,000 ตันต่อเดือน คาดว่าครึ่งปีหลังปีนี้จะมีสินค้าเพิ่มถึง 3,000 ตันต่อเดือน จะทำให้ผลประกอบการดีต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ส.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top